รู้ลึกกับจุฬาฯ

ดูแลแหล่งน้ำ แก้ปัญหาผักตบชวา

water hyacinth problem

ไอเดียการแก้ปัญหาผักตบชวา ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วลี “เก็บผักตบคนละ 3 ต้น” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรากฏขึ้นเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ระหว่างเป็นประธานเปิดงาน “สร้างรู้สื่อสาร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูฝน ปี 2562”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ฤดูร้อนปีนี้เขื่อนมีปริมาณน้ำน้อยอยู่ในขั้นวิกฤติ ต้องรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนฤดูน้ำหลากก็ต้องเตรียมตัวก่อนที่น้ำจะมาทำลายสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น ผักตบชวาควรกำจัดออกเสีย ประชาชนที่อยู่ริมตลิ่งควรช่วยกันเก็บคนละ 3 ต้น ไม่ต้องรอเงินจากภาครัฐ

มุมมองความเห็นต่อไอเดียการแก้ปัญหาผักตบชวา แบบนายก

ต่อประเด็นนี้ อาจารย์ ดร.กัลยา สุนทรวงศ์สกุล จากสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่าการดึงผักตบชวาออก 3 ต้น ไม่น่าจะกระทำได้โดยง่าย เพราะผักตบชวามีลักษณะเป็นแพพืชขนาดใหญ่ รากเกาะเกี่ยวกัน และดูดน้ำไว้ภายใน มีน้ำหนักมาก โดยปกติจะใช้เครื่องจักรในการกำจัด

“ที่นายกฯ พูดให้ดึงออกคนละ 3 ต้น ไม่น่าจะดึงได้หรอก ผักตบมันหนักเป็นสิบๆ ตัน แถมรากดูดน้ำมาก ต้องใช้เครื่องจักร รถแม็คโครตักขึ้นมา ที่นายกฯ พูดถูกคือในแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ เช่น เขื่อน จะมีผักตบชวาเยอะมาก”

จุดเริ่มต้นปัญหาผักตบชวา ในประเทศไทย

ปัญหาการแพร่ระบาดของผักตบชวาซึ่งเป็นวัชพืชน้ำเป็นปัญหาที่มีมาในประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวนาน ตามประวัติดั้งเดิมของผักตบชวาระบุว่า ถูกนำเข้าจากเกาะชวาเมื่อปี 2444 เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสประเทศอินโดนีเซีย หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการแพร่พันธุ์จนต้องเอาไปปล่อยในแม่น้ำลำคลองต่างๆ

ปัญหาผักตบชวามีระบุไว้ชัดเจนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อมีพระราชบัญญัติสำหรับกำจัดผักตบชวา พ.ศ. 2456 แสดงให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวมีมามากว่าหนึ่งร้อยปี สำหรับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เริ่มมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาวิจัยปัญหาผักตบชวาตั้งแต่ปี 2520

ผักตบชวา วัชพืชน้ำกับปัญหาน้ำท่วม

อย่างไรก็ดี ปัญหาผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชน้ำ ไปไกลกว่าแค่เรื่องทัศนียภาพ เมื่อสังคมเมืองเริ่มพบกับปัญหาน้ำท่วม ซึ่งสันนิษฐานว่าผักตบชวาเป็นตัวการในการกีดขวางลำน้ำ

“ที่เราจะเห็นกันชัดคือลำน้ำไหนที่มีความนิ่ง น้ำไม่ไหล ไม่มีคนใช้เส้นทางน้ำนั้นสัญจรไปมา ก็จะเห็นผักตบชวาเยอะ คลองแสนแสบที่มีเรือเยอะแทบไม่มีผักตบชวาเลย แสดงว่าถ้าลำน้ำเส้นไหนมีการใช้งาน ก็จะมีการดูแลรักษา ไม่มีผักตบชวา” อาจารย์กัลยาอธิบายว่า ปัญหาน้ำท่วมโดยมีสาเหตุมาจากผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชน้ำเข้าไปอุดตันทางไหลของน้ำ หรือทางระบายน้ำในเส้นทางน้ำเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งของหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในเมือง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพื้นที่รองรับน้ำตื้นเขิน ขยะที่อุดตันท่อระบายน้ำ ฯลฯ

สภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนไปกับปัญหาผักตบชวา

มิหนำซ้ำ สภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้การใช้เส้นทางจราจรทางน้ำลดน้อยลง คนไทยปัจจุบัน โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองไม่ได้ผูกพันกับการใช้แหล่งน้ำเช่นในอดีต ก็มีส่วนทำให้การอนุรักษ์แหล่งน้ำหายไปด้วย “ถ้าเราตั้งวัตถุประสงค์การใช้แหล่งน้ำใหม่จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เช่น ชาวบ้านในชนบทเขามีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ผักตบชวาก็จะไม่ได้เป็นปัญหาเลย เพราะชาวบ้านเขาก็จะกำจัดกันเองอยู่แล้ว อาจารย์อยากเปรียบเทียบ ว่าผักตบชวามันก็เหมือนหญ้า เป็นวัชพืชที่ขึ้นอยู่ในน้ำ ถ้ามีก็ถอนหญ้าออก”

วิธีการแก้ปัญหาผักตบชวา กำจัดผักตบชวา ในความเห็นอาจารย์จุฬาฯ

ทั้งนี้ อาจารย์กัลยาชี้ว่า

  • การกำจัดผักตบชวาแบบรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ประหยัดและไม่ก่อให้เกิดสารพิษคือ “การแปรรูปผักตบชวา” โดยเป็นการเก็บผักขึ้นมาจากน้ำแล้วนำไปแปรรูปเป็นวัตถุดิบต่างๆ เช่น ใช้เป็นอาหารสัตว์ ทำปุ๋ยหมัก กระเป๋าสานผักตบชวา ตะกร้าผักตบชวา หรือนำผักตบชวาแปรรูปเป็นภาชนะ วัสดุต่างๆ เป็นต้น
  • การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนกว่าคือการสร้างทัศนคติและจิตสำนึกให้ชาวบ้าน คนในชุมชนใกล้แหล่งน้ำนั้นๆ มีจิตสำนึกรักและร่วมมือกันดูแลแหล่งน้ำ จะช่วยลดปัญหาผักตบชวาได้

เนื่องจากจิตสำนึกและวิถีชีวิตของคนไทยยุคปัจจุบันแยกระหว่างน้ำและบกชัดเจน ส่งผลให้การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำลำคลองของคนในเมืองเลือนหายไป กลายเป็นการโยนภาระให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาจัดการ

“เรื่องแหล่งน้ำ ถ้าเราส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากคลอง เช่น ให้ชาวบ้านร่วมมือกันช่วยกัน เอาผักตบออกตั้งแต่แรกๆ สร้างความร่วมมือ หมั่นดูแล เกิดจิตสำนึกอนุรักษ์น้ำ มันก็จะเป็นฟังก์ชั่นนี้ไปเองว่าทุกคนต้องดูแลแหล่งน้ำ แต่ปัจจุบันเรากลายเป็นสังคมตัวใครตัวมัน ให้เป็นหน้าที่หน่วยงานเข้ามาดูแลจัดการเพียงอย่างเดียว หากเปลี่ยนทัศนคติได้ คนจะดูแลน้ำกันเอง ไม่มีปัญหาผักตบชวาเกิดขึ้น”

จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม

รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า