รู้ลึกกับจุฬาฯ

อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ เพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน

นับตั้งแต่การประกาศแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยโมเดล BCG (Bio, Circular, Green Economy) ของรัฐบาลไทยเมื่อปีที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐ พร้อมทั้งสถานศึกษาต่างๆ ได้ร่วมมือกันคิดค้นและพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรมต่างๆ เพื่อเปลี่ยนประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ศ.ดร.สุวบุญ จิรชาญชัย คณบดีวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจโมเดล BCG ของประเทศไทย แบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเกษตรและอาหาร ด้านสุขภาพและการแพทย์ ด้านพลังงาน เคมีและวัสดุชีวภาพ และด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โดยเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้เป็นไปแนวทางชีวภาพ

“การกลั่นทางเคมีชีวภาพ หรือที่เรียกว่า Biorefinery เป็นกระบวนการที่คล้ายกับการกลั่นปิโตรเลียมที่ทำให้ได้พลังงานและสารปิโตรเคมีพื้นฐานแต่เป็นการนำพืชมาสกัดเพื่อพลังงานในรูป เอทานอล และเคมีชีวภาพเบื้องต้นในรูปของวงแหวนน้ำตาลที่จะนำไปสู่ชีวเคมีภัณฑ์ หรือโพลิเมอร์ พลาสติกต่างๆ” ศ.ดร.สุวบุญ กล่าว

แนวทางการพัฒนาพลังงานเคมีและวัสดุชีวภาพเริ่มต้นตั้งแต่ในปี 2548 ที่วิทยาลัยได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพลาสติกสู่การเขียนแผนพัฒนาพลาสติกชีวภาพแตกสลายได้หรือที่เรียกว่า “พลาสติกชีวภาพ” ซึ่งยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยให้แก่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

“เป็นการวิเคราะห์ห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มของชีวมวล ยกตัวอย่างเช่น มีอ้อย 1 กิโลกรัมจะขายได้เงินแค่ 3 บาท แต่ถ้านำไปสกัดเป็นน้ำตาลจะได้ 20 บาท แต่ถ้านำไปแปลงเป็นชีวเคมีภัณฑ์ประเภทต่างๆ จะนำไปสู่มูลค่าเพิ่มระดับพันบาทต่อกิโลกรัมได้”

ขณะนี้วิทยาลัยได้ร่วมงานกับองค์กรในประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อศึกษาเชิงเปรียบเทียบถึงโครงการนำร่องที่จะตอบโจทย์แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) จากต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มประเทศยุโรป แล้วจะประมวลเป็นรายงานส่งมอบให้แก่สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ในขณะเดียวกันก็ร่วมกับมหาวิทยาลัยในประเทศเนเธอร์แลนด์เร่งพัฒนาพลาสติกชนิดใหม่ ทดแทน Single Use Plastic หรือที่เรียกว่าพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง รวมถึงการพัฒนาโพลิเมอร์ชั้นสูงที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น โพลิเมอร์ดูดน้ำ โพลิเมอร์ที่ตอบสนองแสงได้ หรือต่อความเป็นกรด-ด่าง นอกเหนือจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้

“ขณะนี้นวัตกรรมพลาสติกชีวภาพมาถึงระดับผลิตภัณฑ์แล้ว ซึ่งเราจะเห็นผลิตภัณฑ์จำพวกถุง แผ่นฟิล์ม จาน ถาด ช้อนส้อม ตะเกียบ เราพยายามสร้างนวัตกรรมจากเคมีชีวภัณฑ์ชนิดต่างๆ” ศ.ดร.สุวบุญ กล่าว

ความมุ่งมั่นขณะนี้คือความพยายามพัฒนาชีวมวล (Biomass) ให้เป็นวัสดุในระดับที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานทางเคมีนานาชนิดเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของการผลิตพลาสติกในระดับอุตสาหกรรมและการอุปโภคบริโภคทั่วไป

อย่างไรก็ตามความท้าทายในการพัฒนาไปสู่ระดับการใช้งานจริงนั้นคือการลดต้นทุน

“สิ่งที่ต้องทำต่อคือการผลิตพลาสติกย่อยสลายได้ ซึ่งผลิตจากเคมีชีวภาพยังมีราคาสูงกว่าพลาสติกปิโตรเคมีทั่วไป 3-5 เท่า และคุณภาพโดยเฉพาะความเหนียวก็ยังสู้ไม่ได้ แต่เราเล็งเห็นว่าไทยมีอุตสาหกรรมแป้งที่เข้มแข็ง ก็มีแนวคิดว่าอาจจะต้องเติมแป้งลงในพลาสติกเพื่อให้ราคาลดลง พัฒนาแป้งให้มีความเหนียวมากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่มีการพูดคุยกัน”

ศ.ดร.สุวบุญ ย้ำว่า ปัจจุบันสังคมไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่รวดเร็วและการตระหนักถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนา Biorefinery จากชีวมวลที่ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ที่ครอบคลุมถึงเคมีภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพตามนโยบายของรัฐด้วย

“เพื่อให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะต้องมีโครงการที่ชี้แนวทางในอนาคต และมีความชัดเจน ซึ่งจะตอบโจทย์การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น วิทยาลัยปิโตรเลียมและเคมีจึงมีพันธกิจที่จะต้องสร้างแนวทางต้นแบบการใช้พลังงานชีวภาพ พลังงานแบบหมุนเวียน รวมถึงตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมให้สำเร็จ เพื่อให้โครงการ BCG เป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป” ศ.ดร.สุวบุญ ทิ้งท้าย

จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้

ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า