รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
รู้ลึกกับจุฬาฯ
ฉบับวันที่: 13/2/2017 นักวิชาการ: อ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
ช่วงหลายวันมานี้ ข่าวประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งระงับผู้ที่มาจากประเทศมุสลิม 7 ประเทศ ได้แก่ อิรัก ซีเรีย ลิเบีย อิหร่าน โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน ได้สร้างกระแสฮือฮาเป็นที่พูดถึงกันในหมู่อเมริกันชน รวมถึงผู้คนทั่วทุกมุมโลก ขณะเดียวกัน ก็มีฝั่งต่อต้านและมีการยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น จนกลายเป็นการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐที่มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง
อ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกริ่นนำถึงที่มาที่ไปของคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า เป็นคำสั่งของฝ่ายบริหาร (Executive Order หรือ E.O.) ซึ่งมีบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้มีอำนาจอันชอบธรรมในการดูแลเรื่องคนเข้าเมือง
สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือฝ่ายต่อต้านทรัมป์ยื่นคำร้องไปที่ศาลชั้นต้นในระดับสหพันธรัฐ เนื่องจากคำสั่งนี้เป็นคำสั่งระดับสหพันธรัฐ ครอบคลุมทุกมลรัฐกว่า 50 แห่ง และผลปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำตัดสินให้ยับยั้งคำสั่งบริหารของทรัมป์
อ.ดร.พรสันต์เล่าต่อว่า เมื่อผลการตัดสินไม่พอใจ รัฐบาลจึงขออุทธรณ์และ ไปสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ระดับสหพันธรัฐต่อ และก็มีผลวินิจฉัยให้คงไว้ซึ่งการระงับของ E.O. ตามการตัดสินของศาลชั้นต้น“คือทรัมป์มีนโยบายนี้เพราะคิดว่ามุสลิมเข้ามาจะมีส่วนเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย แต่ศาลยังเห็นว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามากน้อยแค่ไหน ถ้าปล่อยให้คนมุสลิมเข้ามา ประเทศจะเสียหายอย่างไรยังพิสูจน์ไม่ได้ เหมือนว่าแค่คุณพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐาน เป็นรูปธรรม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าปล่อยให้คนมุสลิมเข้าประเทศตามปกติ” อ.ดร.พรสันต์อธิบาย
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในขั้นต่อไปหากทรัมป์ต้องการให้คำสั่งห้ามมุสลิมบังคับใช้ได้ จะต้องไปต่อที่ศาลสูงสุด (Supreme Court) ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าคำสั่งของทรัมป์ควรอยู่ต่อหรือสลายไป โดยพิจารณาว่าคำสั่งนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไร
อ.ดร.พรสันต์ ระบุว่า ทรัมป์นิยมอ้างว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งของฝ่ายบริหาร มีภาระหน้าที่ในการดูแลคนเข้าเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงประเทศ ในอดีตศาลสูงสุดก็เคยมีคำวินิจฉัยออกมาว่าศาลจะไม่เข้าไปยุ่งในเชิงนโยบายกับอำนาจของฝ่ายการเมือง แต่จะไปพิจารณาในด้านอื่นๆ มากกว่า
“ผมคิดว่าถ้าถึงศาลสูงสุด เขาจะพิจารณาในเชิงกระบวนการบังคับใช้ E.O. เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ที่ต้องตรวจสอบ กักตัว สอบสวน ส่งกลับคนเข้าเมือง ศาลคงเข้าไปเล่นตรงนี้แทนว่ามันละเมิดสิทธิเขาไหม” อ.ดร.พรสันต์ชี้
นอกจากนี้ ศาลสูงสุดจะต้องพิจารณาว่า E.O. ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญสหรัฐชัดเจนว่าด้วยเสรีภาพในการนับถือศาสนา และว่าด้วยการคุ้มครองอย่างเสมอภาค การที่กีดกันมุสลิมห้ามเข้าประเทศจะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ คงต้องเป็นข้อพิจารณาที่มีการพูดคุยในชั้นศาล
อ.ดร.พรสันต์เล่าต่อว่า สิ่งที่สื่อและคนอเมริกันกลัวคือ จะเกิด “เดดล็อก”ทางกระบวนการศาล เนื่องจากศาลสูงสุดสหรัฐ ประกอบไปด้วยผู้พิพากษาสูงสุด (เรียกว่า Justice) จำนวน 9 คน แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมี Justice 1 คนเสียชีวิต ทำให้ปัจจุบันเหลือ Justice เพียง 8 คน
“คือต้องใช้ระบบโหวต คนกลัวว่าถ้าศาลสูงสุดมีผลโหวตออกมาเป็น 4-4 แล้วจะเอาไงต่อ Justice คนที่เสียชีวิตไปเป็นฝั่งรีพับลิกัน ทำให้ตอนนี้ในศาลมีผู้พิพากษาในฝั่งรีพับลิกัน 4 คน เดโมแครต 4 คน และมักโหวตแยกกันอยู่แล้ว” อ.ดร.พรสันต์กล่าว ขณะที่กระบวนการแต่งตั้ง Justice คนใหม่จะต้องใช้เวลาผ่านวุฒิสภา ในเชิงการเมืองที่ต้องมีการชิงไหวชิงพริบ ทรัมป์อาจจะเร่งแต่งตั้งคนใหม่โดยเร็วก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี อ.ดร.พรสันต์ชี้ว่า ถ้าหากมีการสู้กันถึงศาลสูงสุด ผลการตัดสินอาจจะออกมาเป็น 5-3 ก็ได้ สำหรับผู้ที่ศึกษาด้านการเมืองและกฎหมาย ของสหรัฐ จะรู้ว่ามีผู้พิพากษาฝั่งรีพับลิกันคนหนึ่งที่เป็น “Swing Vote”ซึ่งไม่ได้โหวตตามผู้พิพากษาฝั่งรีพับลิกันคนอื่นๆ เสมอไป
“ผู้พิพากษา แอนโทนี เคนเนดี อยู่ฝั่งรีพับรีกันก็จริง แต่เขาค่อนข้างมีหัวเสรีและให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพมาก ผมคิดว่าอาจจะไม่เกิดเดดล็อก ผลโหวตอาจจะออกมาเป็น 5-3 และถ้าเป็นเช่นนี้ E.O. ของทรัมป์ก็จะตกไปเลย” อ.ดร.พรสันต์วิเคราะห์
เมื่อสอบว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ฝั่งประธานาธิบดีจะทำอะไรได้ต่อไป อ.ดร.พรสันต์ชี้ว่า ทรัมป์สามารถล็อบบี้ให้สภาคองเกรสออกกฎหมายใหม่ให้มีอำนาจเหนือกว่าคำวินิจฉัยของศาล เพราะตามหลักกฎหมายของสภา มีอำนาจมากกว่าคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งเป็นระบบ “Check and Balance” ของการเมืองสหรัฐ
แต่หมายความว่ากรณีแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ทรัมป์จะต้องกล้าชนกับศาลสูงสุดต้องล็อบบี้สภา และต้องรับมือกับสิ่งที่จะตามมา เพราะว่ากฎหมายที่สภาคองเกรสออก อาจมีคนส่งไปให้ศาลสูงสุดพิจารณาอีกได้ว่าผิดหลักรัฐธรรมนูญหรือไม่
“มันเป็นการเช็กกันไปเช็กกันมาของระบบการเมืองสหรัฐ คือเขาไม่ได้มีอารมณ์เหมือนของไทยว่าต้องเชื่อฟังคำสั่งศาลนะ เขาเปิดช่องให้สภาออกกฎหมาย overruleคำตัดสินศาลได้ ตามหลักการจริงๆ ของไทยเราก็ทำได้ แต่ทางปฏิบัติเราไม่ทำ เพราะเดี๋ยวจะโดนฝ่ายค้านตอกกลับ แล้วศาลไทยก็มี Hierarchy ที่สูง ต้องฟัง” อ.ดร.พรสันต์อธิบาย
หมายความว่าการขัดแย้งกันไปมาระหว่างฝั่งตุลาการและฝั่งบริหารจึงเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ อ.ดร.พรสันต์กังวลคือ คำสั่ง E.O. นี้ จะเป็นตัวเร่งปะทุให้กลุ่มก่อการร้ายนำมาเป็นข้ออ้างในการโจมตีสหรัฐหรือไม่ คงเป็นเรื่องในอนาคตที่เราต้องติดตามกันต่อไป
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้