รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
9 มีนาคม 2566
แพทย์จุฬาฯ วิจัยสำเร็จ ใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นของคนไข้เอง ฉีดเข้าเอ็นข้อไหล่ ลดปวด สมานเอ็นฉีกขาด และฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดได้ ทางเลือกใหม่แทนการผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากผลกระทบจากการกินยาแก้ปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน
“ปวด” อาการที่ไม่มีใครอยากเป็น และเมื่อเกิดอาการปวดแล้ว ก็อยากจะหายปวดให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะด้วยการกินยาแก้ปวดหรือแนวทางการแพทย์ทางเลือกต่าง ๆ เช่น ฝังเข็ม นวด ใช้คลื่นความถี่ คลื่นไฟฟ้า ฯลฯ แต่ในวันนี้ ที่คลินิกระงับปวด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีแนวทางบำบัดรักษาอาการปวดแบบใหม่ที่ได้มาจาก “เกล็ดเลือด” ของ “ผู้ปวด” เอง
“การฉีดเกล็ดเลือดฟื้นฟูเอ็นข้อหัวไหล่เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาคนไข้ที่เราทำมากว่า 5 ปีแล้ว แนวทางนี้ช่วยลดผลข้างเคียงของยากลุ่มแก้ปวดได้และมีความปลอดภัยสูงมาก เพราะเป็นการเอาเกล็ดเลือดและพลาสมาของคนไข้เอง ออกมาแล้วฉีดกลับเข้าไปในร่างกายเพื่อกระตุ้นซ่อมแซมตัวเอง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (พิเศษ) นายแพทย์มาร์วิน เทพโสพรรณ แพทย์ประจำคลินิกระงับปวด ฝ่ายวิสัญญีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เล่าถึงวิธีการบรรเทาอาการปวดด้วยเกล็ดเลือด
วิทยาการนี้เป็นงานวิจัยที่คลินิกระงับปวดร่วมมือกับหน่วยการกีฬาของโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อศึกษาการดูแลความปวดให้กับผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน การเล่นกีฬา การเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดท่า ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ และเอ็นฉีกขาด ซึ่งบางรายต้องรักษาด้วยการผ่าตัด บางรายรักษาไม่หายขาด พัฒนาไปสู่อาการปวดเรื้อรังตลอดชีวิต
“ในการศึกษานี้ เราเปรียบเทียบการรักษาโดยทำ MRI ที่หัวไหล่ของคนไข้ที่ได้รับการฉีดเกล็ดเลือดไปแล้ว 6 เดือน กับคนไข้ที่ไม่ได้ใช้วิธีการฉีดเกล็ดเลือดในการรักษาเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด ซึ่งเราพบว่าการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นเข้าไปในเอ็นข้อไหล่ ช่วยลดอาการปวดได้อย่างมีนัยยะสำคัญภายใน 1 – 2 เดือน และยังช่วยซ่อมแซมรอยฉีกขาด ทำให้เอ็นข้อไหล่ติดกันได้ดีขึ้นด้วย ขนาดแผลที่ฉีกขาดก็ลดขนาดลง ทำให้คนไข้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการปวดเรื้อรัง เลี่ยงการผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากกินยาแก้ปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน”
นายแพทย์มาร์วิน กล่าวถึงแนวทางที่ใช้ในการรักษาอาการปวดโดยทั่วไปในปัจจุบันว่าแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ การใช้ยา และการไม่ใช้ยา
1.การรักษาอาการปวดโดยการใช้ยา ยาแก้ปวดมาตรฐานที่นิยมใช้กัน ได้แก่
2.การรักษาอาการปวดโดยไม่ใช้ยาซึ่งแบ่งคร่าว ๆ เป็นการใช้หัตถการในการระงับปวด (Pain Intervention) และ กายภาพบำบัดของเวชศาสตร์ฟื้นฟู มีหลายวิธี ได้แก่ การใช้ความร้อน การนวด การประคบเย็น การฝังเข็ม การการฟังเพลง การใช้คลื่นความถี่วิทยุ และการฉีดเกล็ดเลือด เป็นต้น
“การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นเพื่อฟื้นฟูร่างกายจัดอยู่กลุ่มเวชศาสตร์ทางเลือกที่เกิดขึ้นราว 10 ปีมาแล้วในต่างประเทศ ในเกล็ดเลือดมีสารต่าง ๆ ที่ร่างกายผลิตขึ้นเอง เป็นสารที่มีไว้ซ่อมแซมร่างกาย จึงมีการศึกษาการฉีดเกล็ดเลือด ทั้งเพื่อความสวยงามและเพื่อลดการปวดข้อเข่า ข้อไหล่ และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย” นายแพทย์มาร์วิน อธิบายและเสริมว่าปัจจุบัน หลายโรงพยาบาลในประเทศไทยปรับใช้แนวทางนี้เป็นเวชศาสตร์ชะลอวัยด้วย
เนื่องจากวิธีการนี้เป็นการใช้เกล็ดเลือดของผู้ป่วย (ผู้ปวด) เอง ดังนั้น ประสิทธิผลของการรักษาจึงแตกต่างกันไป ขึ้นกับสภาพร่างกายของคนไข้ ช่วงอายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และคุณภาพเลือดของคนไข้แต่ละบุคคล
“ถ้าคนไข้เป็นคนแข็งแรง ออกกำลังกายดี เป็นนักกีฬา คุณภาพเลือดก็จะดี ผลการซ่อมแซมร่างกายก็จะดีไปด้วย”
นายแพทย์มาร์วิน อ้างการศึกษาการฉีดเกล็ดเลือดของต่างประเทศที่ระบุด้วยว่า ประสิทธิผลการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นซ่อมแซมร่างกายจะได้ผลดีมากกับคนไข้ที่อายุน้อยกว่า 55 ปี
“เนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยมาก เพราะใช้เลือดของคนไข้เองในการรักษาตนเอง จึงไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยารับงับปวดทั่วไป หลายครั้งจึงมีคนไข้ที่อายุมากกว่า 60 ปี มาขอรับการรักษาด้วยวิธีนี้ ซึ่งหมอก็ทำให้ได้ แต่ก็จะแจ้งคนไข้ด้วยว่า ประสิทธิผลอาจไม่ดีไม่เท่ากับคนที่อายุน้อยกว่า 55 ปี”
“การักษาทำโดยการดูดเลือดดำมาประมาณ 15 มิลลิลิตร แล้วนำไปปั่นแยกพลาสมาและเลือดแดง จากนั้นนำ พลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้าข้นนำไปเพื่อการรักษาฉีดทันที”
การรักษาอาการปวดด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น แม้จะดีแต่ก็ไม่เหมาะกับคนไข้ทุกคน โดยเฉพาะไข้ 2 กลุ่ม ได้แก่
ที่ผ่านมา คลินิกระงับปวด โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ดูแลคนไข้อาการปวดเรื้อรังจากปัญหาเอ็นข้อไหล่เป็นจำนวนมาก
“เราพบคนที่มีปัญหาเอ็นข้อหัวไหล่อันเกิดมาจากการยกของหนัก การทำงาน และการเล่นกีฬา ซึ่งการบาดเจ็บในส่วนนี้ต้องใช้เวลาในการรักษาฟื้นฟูร่างกายนาน ดังนั้น การฉีดเกล็ดเลือดจึงมีประโยชน์ต่อนักกีฬา คนทำงานออฟฟิศ และผู้ที่ต้องการรักษาอาการบาดเจ็บหายดี และใช้ระยะเวลาสั้นๆ ในการพักฟื้นร่างกาย เพื่อให้พร้อมกลับไปทำงาน แข่งกีฬา และใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพเร็วที่สุด” นายแพทย์มาร์วินอธิบายถึงประโยชน์โดยสังเขป
“คลินิกระงับปวด รพ.จุฬาฯ มีแนวทางการดูแลคนไข้ที่ดีมากๆ แห่งหนึ่ง เพราะแพทย์ได้ทำงานกันเป็นทีมอย่าง “ครบวงจร” มีทั้งหมอผ่าตัด หมอกระดูกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของการผ่าตัดหัวไหล่ และหมอเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ดูเรื่องการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อหัวไหล่”
“เริ่มจากแพทย์คัดเลือกทั้งคนไข้และวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละราย เพื่อประสิทธิผลการรักษาที่ดีที่สุดและเพื่อคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไข้ ซึ่งที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เมื่อคนไข้ได้รับการตรวจด้วยวิธีอัลตร้าซาวด์ หรือ MRI ว่ามีอาการบาดเจ็บของเอ็นหัวไหล่ ไหล่ติด และทีมแพทย์ร่วมกันวินิจฉัยและลงความเห็นว่า คนไข้รายนี้ไม่เหมาะที่จะผ่าตัด หรือการออกกำลังกายก็ไม่ช่วยให้อาการปวดดีขึ้น แต่ควรรักษาด้วยการฉีดเกล็ดเลือดแทน คนไข้ก็จะถูกส่งตัวมารักษาด้วยการฉีดเกล็ดเลือด ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่จะฉีด 1 หรือไม่เกิน 2 เข็มเท่านั้น อาการปวดก็จะทุเลาลงถึง 80% ความปวดที่เหลืออีก 20 % ขึ้นกับเวลาและการออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูตามลำดับ”
นายแพทย์มาร์วิน กล่าวเสริมว่า “ค่าใช้จ่ายในการรักษาอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาทต่อครั้ง (การทำหัตถการ)”
นายแพทย์มาร์วินเล่าถึงความก้าวหน้าของการวิจัยคลินิก “ในทางการแพทย์ เราก็ไม่หยุดทำวิจัยเพื่อช่วยผู้ป่วยหลุดพ้นจากความเจ็บปวดทรมานเพียงแค่นี้ มีการขยายการวิจัยไปที่อวัยวะอื่นด้วย เช่น การศึกษาการฉีดเกล็ดเลือดระงับปวดบริเวณข้อต่อกระดูกสันหลังอักเสบ ซึ่งตอนนี้คืบหน้าไป 50% แล้ว และยังต้องการหาคนไข้มาเข้าร่วมโครงการวิจัยอีก” นายแพทย์มาร์วิน กล่าวเชิญชวนผู้มีอาการปวดกลางหลังให้มาร่วมโครงการวิจัยการฉีดเกล็ดเลือดระงับปวดบริเวณข้อต่อกระดูกสันหลังอักเสบ โดยสามารถติดต่อขอทำนัดที่คลินิกระงับปวด รพ.จุฬาฯ เพื่อให้หมอตรวจวินิจฉัยว่าเป็นอาการของโรคข้อต่อกระดูกสันหลังอักเสบหรือไม่ และหากเข้าเกณฑ์ คนไข้สามารถเลือกเข้าร่วมโครงการวิจัยได้ตามความสมัครใจเพื่อรับการรักษาโดยไม่มีค่าใช่จ่าย
“คนทุกคนล้วนไม่อยากเจ็บ ไม่อยากปวด แต่เมื่อเป็นโรคร้ายก็ต้องรักษาโรคนั้นให้หาย ในช่วงเวลาที่ยาวนานที่คนไข้ใช้รักษาโรคร้ายและฟื้นฟูร่างกายให้กลับเป็นปกตินั้น จะดีกว่าไหมถ้าคนไข้ไม่ต้องทนกับอาการเจ็บปวดทรมานอันเป็นผลข้างเคียงจากการรักษาโรคร้าย นี่คือ คอนเซ็ปต์การทำงานของ คลินิกระงับปวด” นายแพทย์มาร์วิน กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สนใจที่มีอาการปวดข้อต่อเอ็นหัวไหล่ หรือปวดอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อการรักษาที่ถูกทางได้ที่คลินิกระงับปวด Pain Clinic ชั้นที่ 17 อาคาร ภปร. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 น. โดยนัดหมายล่วงหน้า หรือสอบถามได้ที่ โทร. 0 2256 5230
คลินิกระงับปวด จุฬาฯ ยังมีโครงการวิจัยทางการแพทย์อีก 2 โครงการ เกี่ยวกับการระงับปวด เพื่อพัฒนาทางเลือกในการบรรเทาและระงับปวดแก่คนไข้ให้ดียิ่งขึ้น และกำลังเปิดรับคนไข้อาสาสมัครมาเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องการคนไข้ที่มีอาการเจ็บปวดทางร่างกาย ดังนี้
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการวิจัยข้างต้นนี้ สามารถติดต่อขอทำนัดที่คลินิกระงับปวด รพ.จุฬาฯ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดจากโรคใด หากเข้าเกณฑ์ คนไข้สามารถเลือกเข้าร่วมโครงการวิจัยได้ตามความสมัครใจเพื่อรับการรักษา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ครบทุกคำตอบ “กายภาพบำบัด” ฟื้นฟูและพัฒนาสุขภาพสำหรับคนทุกช่วงวัย ในงานประชุมวิชาการสภากายภาพบำบัด 21-22 พ.ย.นี้
แพทย์จุฬาฯ แนะวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ลดความเสี่ยงติดเชื้อในทุกวัย
มิตรเอิร์ธ (MitrEarth) แพลตฟอร์มความรู้ ชี้จุดเสี่ยง แจ้งเตือนภัยพิบัติ ลดความสูญเสีย
คีเฟอร์น้ำเกสรดอกกุหลาบ เครื่องดื่มสุขภาพต้านอนุมูลอิสระ ผลงานนิสิตจุฬาฯ คว้าเหรียญทองระดับโลก
The Skinov’e นวัตกรรมสกินแคร์จากเปลือกกล้วยหอมทองปทุม ผลงานวิจัยจุฬาฯ ที่ทำให้สิวเป็นเรื่องกล้วยๆ
น้ำยายืดอายุกระดาษ นวัตกรรมจุฬาฯ อนุรักษ์เอกสารและภาพศิลปะโบราณให้คงสภาพอีกนานนับทศวรรษ
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้