Highlights

Chula’s Pledge to Be Net Zero – จุฬาฯ ประกาศเจตนารมณ์ เผย 5 กลยุทธ์ “มหาวิทยาลัยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)


อธิการบดี จุฬาฯ ประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจกในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) พร้อมเผย 5 กลยุทธ์​ต้นแบบเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน


ปัจจุบัน Net Zero​ Greenhouse Gas​ Emissions หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เป็นประเด็นที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญและจัดการอย่างเร่งด่วน ตามมติการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ครั้งที่ 26 หรือ COP26 เมื่อปี 2021 (พ.ศ. 2564) ที่สนับสนุนเป้าหมายในการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันหายนะที่จะเกิดจากสภาวะอากาศสุดโต่ง (Extreme weather events)

​“จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เริ่มเก็บข้อมูลการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด​ภายในมหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2015 (พ.ศ. 2558) พบว่ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมเท่ากับ 54,955.89 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่เกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัย และเมื่อคำนวณความเข้มของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเทียบกับจำนวนนิสิตและบุคลากรทั้งหมดภายในมหาวิทยาลัยในปีนั้น มีค่าเท่ากับ 1.21 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อคน จากรายงานดังกล่าว จุฬาฯ​ ได้จัดทำแผนและออกนโยบายมาตรการต่าง ๆ​ เพื่อลดก๊าซ​เรือนกระจกอย่างจริงจังและเข้มข้นมากขึ้น​” ศาสตราจารย์ ดร. อรทัย ชวาลภาฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานโครงการ Chula Race to Zero ด้านนโยบายและแผนงาน และอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว

ในฐานะพลเมืองของประเทศและโลก จุฬาฯ ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อส่วนรวมและต้องการลงมือแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง​ และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ​ (Sustainability)​ ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของจุฬาฯ ปี 2021-2024​ (พ.ศ. 2564-2567) อธิการบดี จุฬาฯ จึงได้ประกาศเจตนารมณ์ลดก๊าซเรือนกระจกภายในมหาวิทยาลัย เมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ

  1. “ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 (พ.ศ. 2583)” คือ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เข้าสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณที่เท่ากับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกดูดซับกลับคืนมาผ่านการปลูกต้นไม้หรือวิธีการอื่น
  2. “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593)”

จุฬาฯ จะดำเนินการไปถึงเป้าหมาย Net Zero Greenhouse Gas​ Emissions ได้นั้นต้องการความร่วมไม้ร่วมมือจากทุกคนในประชาคมจุฬาฯ และจำเป็นต้องมีการวางแผนในการลดใช้พลังงาน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ จุฬาฯ ได้ออกแบบ 5 กลยุทธ์ Chula’ 2050 Net-Zero Transition ประกอบด้วย

1. Energy Transition​

จุฬาฯ ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบการใช้พลังงานแบบเดิม เป็นระบบการใช้พลังงาน​ทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอน​ (Zero-carbon Energy System) ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PV development)

“จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยในเมือง จึงมีข้อจำกัดในด้านพื้นที่ การใช้พลังงานโซลาร์เซลล์ในฐานะพลังงานทดแทนจึงเหมาะกับบริบทของมหาวิทยาลัยที่สุดในปัจจุบัน”

จุฬาฯ​ได้ลงนามข้อตกลงกับการไฟฟ้านครหลวง (MEA) เพื่อดำเนินโครงการนำร่องติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารต่าง ๆ​ (Solar Rooftop) ซึ่งมีแผนจะดำเนินการติดตั้งทั้งหมด 65 อาคารทั่วทั้งมหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพในการติดตั้งโซลาร์​เซลล์​​ ​ขณะนี้ได้ติดตั้งและใช้งาน​แล้ว​จำนวน​ 14​ อาคาร​ และคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด​ภายใน​สิ้นปี​ 2023 (พ.ศ. 2566​) นี้​

“หากติดตั้งและใช้งานครบทุกอาคารแล้วจะสามารถทดแทนการใช้ไฟฟ้า​ในจุฬาฯ​ ได้ถึง​ 25% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งมหาวิทยาลัย​”  

นอกจากนี้ จุฬาฯ จะเน้นให้ความสำคัญกับการออกแบบอาคารสีเขียว โดยจะออกแบบการก่อสร้างอาคารใหม่ให้เหมาะสม เช่น วางผังและทิศทางที่ตั้งของอาคารให้สัมพันธ์กับการรับแดด เน้นการใช้แสงธรรมชาติเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า

2. Improving Energy System Resilience

จุฬาฯ ​ดำเนินการตรวจอายุการใช้งานและประเมินประสิทธิภาพ​อุปกรณ์​ไฟฟ้า เพื่อเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน​ในอาคารส่วนกลาง เช่น หลอดไฟ และเครื่องปรับอากาศ ทั้งยังมีการปรับปรุงระบบปรับอากาศภายในอาคาร โดยติดตั้งมอนิเตอร์เพื่อตรวจสอบความร้อนภายในระบบ และการใช้ระบบระบายอากาศ ระบบระบายความร้อน ตลอดจนมีการติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงานในอาคารอัจฉริยะ CU BEMs (Building Energy Management) ​ในอาคารทั่วทั้งมหาวิทยาลัย เพื่อใช้มอนิเตอร์ ควบคุมและสั่งการการใช้พลังงานในแต่ละอาคารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด​ ลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น โดยสามารถตรวจสอบ​และจำกัดการใช้พลังงานในแต่ละอาคารผ่านเว็บแอปพลิเคชัน​และ​ dashboard ที่รายงานข้อมูลการใช้พลังงานสูงสุด​ (Peak Load)​ และจำนวนการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ​ซึ่งระบบนี้ออกแบบโดยหน่วยปฏิบัติการวิจัยระบบโครงข่ายไฟฟ้าสมาร์ทกริด (Smart Grid Reseach Unit- SGRU) ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยโตเกียว และกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน

3. Creating Green Growth

จุฬาฯ​ ได้สนับสนุนงานวิจัย​และความร่วมมือในระดับประเทศและนานาชาติ รวมไปถึงการลงทุนสีเขียว เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีไร้คาร์บอน โดยศูนย์ Bio-Circular-Green economy Technology & Engineering Center คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน ธุรกิจอุตสาหกรรม และองค์กรสาธารณะ จัดตั้งความร่วมมือในนาม Thailand CCUS Consortium เพื่อวางแผน วิจัย พัฒนาการใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการนำเอา CO2 ที่เดิมถูกมองว่าเป็นมลพิษ มาแปรรูปแล้วนำไปใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ สร้างมูลค่าทางด้านการพาณิชย์และยังช่วยขจัดมลภาวะให้กับสภาพแวดล้อม

อีกทั้ง นักวิจัย​ จุฬาฯ​ได้แปลงคาร์บอนไดออกไซด์เป็นเมทานอลโดยใช้พลังงานน้อยแต่ได้ผลมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยการแปลงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น (Carbon Dioxide (CO2) Conversion to Higher-Valued Products) ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัย “Research Cess Fund” (RCF) จาก Malaysia-Thai Joint Authority (MTJA) ในระดับนานาชาติ​

และในปี​ 2022 (พ.ศ. 2565) ที่ผ่านมา​ จุฬาฯ​ ให้ความสำคัญเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางพลังงาน (Energy Transition) และพลังงานสะอาดมากขึ้น​​ โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์​ จุฬา​ฯ​ ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับบริษัท​ Hitachi Energy เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา การวิจัยพัฒนาและการเรียนรู้ทางเทคโนโลยี ในประเด็นที่เกี่ยวกับพลังงาน อาทิ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ไมโครกริด (Microgrid) ระบบผลิตไฟฟ้า​และบริหารจัดการไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับชุมชน​ โดยใช้พลังงานทดแทนเป็นหลัก ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS) การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (e-Mobility) ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังงานสะอาด และศึกษาอนาคตทางพลังงานที่ยั่งยืน (Sustainable Energy Future) 

4. Lifestyle Transition

จุฬาฯ​ ​ได้รณรงค์​ให้นิสิตและบุคลากรใช้รถโดยสารสาธารณะ​ภายในมหาวิทยาลัย​ โดยจุฬาฯ​ เพิ่มตัวเลือกในการเดินทางที่ปล่อย​คาร์บอนน้อย​ (Low Carbon Transportation) เช่น รถบัสไฟฟ้า​ จักรยาน รถตุ๊กๆ ไฟฟ้า​ สกู๊ตเตอร์​ไฟฟ้า​ ทั้งยังมีการปรับปรุงทางเดินมีหลังคา หรือ Cover way เชื่อมต่ออาคารต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาคมจุฬาฯ ในการเดินทาง

​จุฬาฯ​ ยังได้ดำเนินโครงการ Chula Zero Waste​ โครงการจัดการขยะภายในมหาวิทยาลัยและชุมชนโดยรอบ (Zero Waste Management) ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ​เพื่อลดปริมาณขยะที่จะไปสู่พื้นที่ฝังกลบ​ โดยใช้กฎ 3R ได้แก่ การลดการใช้ (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) นำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ตลอดจนเพิ่มการมีส่วนร่วมจากประชาคมจุฬาฯ ทั้งนิสิต บุคลากร ไปจนถึงผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการในบริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างความตระหนักให้ทุกคนหันมาใส่ใจผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ใส่ใจกับขยะที่เกิดขึ้นในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมากขึ้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกระตุ้น Sustainable Lifestyle เพื่อรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

จากการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังในช่วงแผน 5 ปีแรกของโครงการ ช่วยให้ปริมาณขยะลดลงประมาณ 40% มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 30% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการ ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและพฤติกรรมในการลงมือจัดการปัญหาด้านขยะ​ ทั้งนี้ โครงการยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้ 75% ภายในปี 2040 (พ.ศ. 2583)

นอกจากนี้ จุฬาฯ​ สนับสนุนให้บุคลากร​และนิสิตพกแก้วน้ำ​ส่วนตัว​ ลดการใช้แก้วพลาสติก​แบบ​ Single-used cup และเตรียมตู้กดน้ำ​ดื่มให้บริการ และรณรงค์​ร้านค้า​ในโรงอาหารงดให้ถุงพลาสติกและใช้แก้ว​ Zero​ waste​ ที่ย่อยสลายได้ และในอนาคต​ จุฬาฯ มีแผนจะสนับสนุนอาหารคาร์บอนต่ำ Low Carbon Diet เพื่อลดการบริโภคเนื้อสัตว์ หันมาบริโภคอาหารจำพวกพืชที่สร้างคาร์บอนต่ำ ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืช หรือโปรตีนจากพืชตระกูลถั่ว และลดการบริโภคอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม​ที่ใช้เครื่องจักร​ หรือลดการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว​ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ประกอบการในโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัย

5. Social Transition Social Support System

เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมจุฬาฯ​ อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการลดก๊าซเรือนกระจก​ภายในมหาวิทยาลัย จุฬาฯ มีแผนเดินหน้าจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ​ อาทิ เวทีเสวนา โครงการประกวดคลิปสั้นและการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างนิสิตและบุคลากรผ่านช่องทางสื่อออนไลน์อีกด้วย​ เพื่อให้ประชาคมจุฬาฯ​ ตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบที่ตามมาของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างจิตสำนึก​ เตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน​


“แม้ว่าระบบบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่จุฬาฯ​ นำมาใช้​เป็นระบบที่มีใช้ในต่างประเทศ​ แต่หลายระบบยังไม่แพร่หลายในประเทศ​ไทย​ จุฬาฯ​ จึงอยากเป็นหนึ่งในผู้นำ​การเปลี่ยนแปลงและเป็นต้นแบบของสถาบันการศึกษาที่นำร่องพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมสีเขียว ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้จริงและยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าเราทำได้ และจะขยายผลไปยังสถาบันหรือหน่วยงานอื่น ๆ ในไทย ให้หันมาร่วมมือกันมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนด้วยกัน” ศาสตราจารย์ ดร. อรทัย กล่าวทิ้งท้าย


ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารความคืบหน้าของแผนกลยุทธ์ Chula’ 2050 Net-Zero Transition ได้ที่
เว็บไซต์จุฬาฯ www.chula.ac.th
Facebook page: Chulalongkorn University หรือ Chula Race to Zero – Climate Actions

จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้

ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า