รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
8 เมษายน 2564
ผู้เขียน ศุภวรรณ พิพิธสมบัติ
อีกประมาณ 9 ปี สังคมไทยจะสูงวัยขั้นสูงสุด ตลาดแรงงาน การจ้างงานและค่าตอบแทนจะเปลี่ยนไป คณะผู้วิจัยจากจุฬาฯ แนะพึ่งตนเอง ใครไม่ปรับตัวตกงาน ใครหยุดเรียนรู้ตกยุค
ในยุคดิสรัปชัน ไม่เพียงเทคโนโลยี แต่โครงสร้างประชาการที่เปลี่ยนไปก็เข้ามาป่วนโลกไม่น้อย ตามการคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติ ภายใน 9 ปีนี้ หลายประเทศจะประสบกับความเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ (Demographic Disruption) ประเทศไทยเองก็จะก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยขั้นสูงสุด (super-aged society ) โดยราว 1 ใน 3 ของคนไทยจะมีอายุเกิน 60 ปี ปรากฏการณ์นี้จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะด้าน “ตลาดแรงงาน”
“ทุกคนต้องปรับตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง อายุเฉลี่ยของแรงงานจะสูงขึ้น ทุกอาชีพต้องหมั่นหาทักษะใหม่และเพิ่มผลิตภาพของตนตามอายุ ส่วนนักศึกษาที่กำลังก้าวสู่ตลาดแรงงานต้องไม่ยุติการเรียนรู้ภายหลังสำเร็จการศึกษาจากรั้วสถาบัน” ข้อสรุปสำคัญจากศาสตราจารย์ ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน นักวิชาการอาวุโส พร้อมผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำสาขาการเงิน และรองศาสตราจารย์ ดร.พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่องานวิจัยด้านบรรษัทภิบาลและการเงินเชิงพฤติกรรม สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาฯ ทั้งสามจากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่องานวิจัยด้านบรรษัทภิบาลและการเงินเชิงพฤติกรรม แห่งสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาฯ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางฯ เน้นศึกษาความเปลี่ยนแปลงอัตราการจ้างงานและค่าตอบแทนในตลาดแรงงานภายหลังถูกกระทบจากสภาวะสังคมสูงวัย โดยประยุกต์ใช้วิธีวิจัยของ Cai and Stoyanov (2016) ประกอบกับผลสำรวจการจ้างงานแต่ละอาชีพในปี 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.)
“หลายอาชีพจะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ การจะอยู่รอดอย่างมั่นคงของทุกอาชีพต้องรู้จักปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป” คณะผู้วิจัยกล่าวพร้อมเสนอแนวทางการปรับตัวด้านอาชีพและทักษะสำคัญในการอยู่รอดในสังคมสูงวัย ที่ทุกคนควรเตรียมตัวเสียแต่วันนี้
บางกลุ่มอาชีพ ยิ่งอายุมากขึ้น ประสบการณ์ความรู้ก็จะยิ่งมาก กลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มทักษะทางปัญญา (cognitive skills) และทักษะการสื่อสาร (ฟังพูดอ่านเขียน) ตามขวบปีของชีวิตและการสั่งสมประสบการณ์ เช่น บรรดานักบริหาร ครูอาจารย์ นักการตลาด และนักกฎหมาย ฯลฯ
ยกตัวอย่างอาชีพนักการตลาด ต้องรู้จักฟัง โดยเฉพาะฟังคำติชมจากลูกค้าต่อสินค้าและบริการ อาชีพนี้จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะการรับฟังอย่างตั้งใจ เข้าใจและเห็นความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงก่อนลงมือจัดการกับปัญหาหรือทำอะไรต่อ ทักษะการรับฟังด้วยหัวใจคือส่วนหนึ่งของทักษะการสื่อสารด้วยปัญญาในความหมายนี้ ซึ่งต้องอาศัยวินัยและวันเวลาเพียรปฏิบัติจนติดเป็นนิสัย
กลุ่มอาชีพที่ยิ่งสูงวัย ยิ่งหมดสภาพ อาชีพกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากทักษะทางปัญญาที่ลดลง และทักษะทางกาย (physical skills) ที่ถดถอย เช่น การรับรู้และตอบสนอง ความสามารถในการจำ พละกำลัง ความคล่องแคล่วและความอดทน อาชีพกลุ่มนี้ อาทิ เกษตรกร แรงงานก่อสร้าง ผู้ผลิตและควบคุมเครื่องจักรกลต่าง ๆ รวมทั้งคนงานเหมืองแร่และผู้ขับขี่ยวดยานและเครื่องจักรเคลื่อนที่ คนเหล่านี้ เมื่ออายุมากขึ้น ความคล่องแคล่ว ความอดทน และการรับรู้และตอบสนองจะลดลง ทำให้ผลิตภาพในการทำงานลดลงตามอายุ กลุ่มนี้ต้องปรับตัวค่อนข้างมาก ซึ่งภาครัฐเองก็ต้องให้ความสำคัญและส่งเสริมการปรับตัวของคนในกลุ่มอาชีพนี้
ทักษะของวัยทำงานวันนี้ อีก 5 ปีจะอาจไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปเนื่องจากเทคโนโลยีทำแทนได้ คนวัยทำงานต้องเร่งปรับตัว ยกระดับทักษะตนเองให้ทันต่อลักษณะงานและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โดยใช้สูตร “RUN” คือ Reskill เรียนรู้ทักษะใหม่ในการทำงานที่ต่างไปจากเดิม Up skill พัฒนายกระดับทักษะเดิมให้ดีขึ้น New skill สร้างทักษะใหม่ตามการเปลี่ยนแปลงของงานและเทคโนโลยี
หากอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ราว 80 ปี นั่นหมายถึงอีก 20 ปีหลังเกษียณ จำต้องมีรายได้ ไม่ก็มีเงินออมไว้ใช้จ่ายสมมติ 20,000-30,000 บาท/เดือน เราต้องมีเงินออมแล้วอย่างต่ำ 10 ล้านบาท ซึ่งสำหรับหลายคน อย่าว่าแต่สิบล้านเลย เพียงหนึ่งล้านก็ไม่อาจเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น แทนที่จะออมขาเดียว น่าจะเรียนรู้ให้เงินทำงานแทนเราด้วย
อาชีพวัยเกษียณที่ดีที่สุดสำหรับเราคืออาชีพที่ได้ใช้หรือต่อยอดจากทักษะความรู้ความสามารถที่เรามี เช่น นักธุรกิจวัยเกษียณก็อาจผันตัวเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น นักวิชาการหรือครูอาจารย์ก็น่าจะปรับตัวหันมาผลิตสื่อการสอนออนไลน์
ไม่ว่าจะอาชีพใด สำคัญที่เป็นอาชีพที่เราทำแล้วสุขใจ รู้สึกมีคุณค่า และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ครบทุกคำตอบ “กายภาพบำบัด” ฟื้นฟูและพัฒนาสุขภาพสำหรับคนทุกช่วงวัย ในงานประชุมวิชาการสภากายภาพบำบัด 21-22 พ.ย.นี้
แพทย์จุฬาฯ แนะวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ลดความเสี่ยงติดเชื้อในทุกวัย
มิตรเอิร์ธ (MitrEarth) แพลตฟอร์มความรู้ ชี้จุดเสี่ยง แจ้งเตือนภัยพิบัติ ลดความสูญเสีย
คีเฟอร์น้ำเกสรดอกกุหลาบ เครื่องดื่มสุขภาพต้านอนุมูลอิสระ ผลงานนิสิตจุฬาฯ คว้าเหรียญทองระดับโลก
The Skinov’e นวัตกรรมสกินแคร์จากเปลือกกล้วยหอมทองปทุม ผลงานวิจัยจุฬาฯ ที่ทำให้สิวเป็นเรื่องกล้วยๆ
น้ำยายืดอายุกระดาษ นวัตกรรมจุฬาฯ อนุรักษ์เอกสารและภาพศิลปะโบราณให้คงสภาพอีกนานนับทศวรรษ
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้