รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
6 มิถุนายน 2565
ผู้เขียน สุรเดช พันธุ์ลี
นักวิจัยจุฬาฯ ระดมความร่วมมือนักวิจัยสหสาขาวิชา หาอัตลักษณ์และทัศนคติของชาวดิจิทัลไทย หวังลดช่องว่างระหว่างวัย สร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคม
“มนุษย์ป้า” ถ้อยคำที่อาจสะเทือนใจใครหลายคน แต่สำหรับรองศาสตราจารย์ ดร.จุลนี เทียนไทย ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คำสั้นๆ นี้ช่วยเปิดพื้นที่การสนทนาระหว่างอาจารย์กับนิสิตเมื่อ 3 ปีก่อน จนทำให้ได้ร่างความคิดยาว 3-4 หน้ากระดาษ อันเป็นที่มาของงานวิจัย “การสร้างความเข้าใจในคุณลักษณะ พฤติกรรมและทัศนคติในอนาคตของชาวดิจิทัลไทย” ที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีมาก สาขาสังคมวิทยา ประจำปี 2565 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
“ชาวดิจิทัลไทยคืออนาคตของชาติ พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ เป็นทั้งกำลังคน เป็นผู้กำหนดทิศทางการเมือง ระบบการศึกษา ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ชาวดิจิทัลไทยในปัจจุบันจะเป็นผู้ส่งผ่านแนวคิดและทัศนคติไปสู่คนรุ่นต่อไปในอนาคต” รศ.ดร.จุลนี เผยถึงความสำคัญของงานวิจัยชิ้นนี้
งานวิจัยชิ้นนี้ให้องค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับกระบวนการคิด ทัศนคติ พฤติกรรมของชาวดิจิทัลไทย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีการศึกษาวิจัยในเรื่องเช่นนี้ในประเทศไทยมาก่อน
“พ่อแม่ผู้ปกครองจะได้เข้าใจลูกหลาน นายจ้างจะได้เข้าใจลูกน้องมากยิ่งขึ้น ครู อาจารย์และสถาบันการศึกษาก็สามารถนำผลการวิจัยไปปรับรูปแบบและวิธีการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนมากขึ้นด้วย” รศ.ดร.จุลนี ยกตัวอย่างแนวทางการนำงานวิจัยไปใช้ในมิติต่างๆ ของสังคม
งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และอยู่ภายใต้แผนงานบูรณาการยุทธศาสตร์เป้าหมายด้านสังคม “คนไทย 4.0” โดยได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์ผู้ร่วมวิจัยจากสาขาต่างๆ อาทิ รัฐศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ประชากรศาสตร์ ฯลฯ จากหลายสถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยนครพนม
กว่า 7 เดือน คณะผู้วิจัยลงภาคสนามทำวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากกลุ่มประชากรชาวดิจิทัลไทยวัย 13– 38 ปี ทั้งสิ้นจำนวน 910 คน ที่อยู่ใน 3 พื้นที่ คือ 1) กรุงเทพมหานคร (เขตชั้นใน เขตชั้นกลาง และเขตชั้นนอก) ซึ่งเป็นตัวแทนเมืองหลวง 2) จังหวัดเชียงใหม่ในฐานะเมืองหลัก และ3) จังหวัดนครพนมในฐานะเมืองรอง นอกจากนี้ ยังสัมภาษณ์ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ และนายจ้าง ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับชาวดิจิทัล เพื่อให้ได้ข้อมูลความคิดเห็นที่หลากหลาย
“ชาวดิจิทัลไทยในงานวิจัยชิ้นนี้ถูกจัดอยู่ในเจน Y และเจน Z มีอยู่ด้วยกัน 5 กลุ่ม คือ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน และผู้ที่อยู่ในวัยทำงานตอนกลาง คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะกลุ่มเจน Z อายุระหว่าง 7 – 25 ปี เป็นกลุ่มที่เกิดและเติบโตพร้อมกับเทคโนโลยี ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ทั้งการเรียน การทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยในโลกยุคดิจิทัลอย่างยิ่ง”
เป้าหมายหลักในการวิจัยคือการทำความเข้าใจอัตลักษณ์ของชาวดิจิทัลไทย ความรู้ ทักษะ ทัศนคติที่จำเป็นในการเรียนการสอนและการทำงาน รวมถึงภาพอนาคต ความกลัว ความฝัน และความหวังในมุมมองของชาวดิจิทัลไทย ทั้งหมดนี้ผ่านกระบวนการวิจัยที่ใช้เทคนิควิธีหลากหลาย อาทิ แบบสอบถามสัมภาษณ์ (survey interview questionnaire) การรวบรวมคำศัพท์ (free-listing) การวาดภาพเชิงพรรณนา (pictorial ethnography) และการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (semi-structured interview) ประเภทการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (in-depth interview) รวมไปถึงการวิจัยการสกัดและวิเคราะห์ข้อความออนไลน์ (online text extraction and analysis)จากทวิตเตอร์
“ประเด็นเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าถึงและเข้าใจคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีอย่างชัดเจน อีกทั้งสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของพวกเขาโดยผ่านการนิยามตนเอง ซึ่งสามารถใช้เป็นข้อมูลสะท้อนกลับต่อสังคมถึงสิ่งที่ชาวดิจิทัลเห็นว่าเป็นความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของพวกเขาในปัจจุบันและในอนาคต เพื่อให้ผู้ใหญ่ คนต่างวัย หรือแม้แต่ผู้ที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายได้รับรู้และเข้าใจว่าชาวดิจิทัลตีความหรือมีความคิดเห็นต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการดูแล พัฒนาและส่งเสริมการใช้ชีวิตให้กับคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาหรือการทำงานก็ตาม”
การให้คำนิยาม “ชาวดิจิทัล” ที่พบเห็นกันโดยทั่วไปและในงานวิจัยในโลกตะวันตกนั้นมักยึดโยงกับช่วงอายุเป็นหลัก แต่ผลการวิจัยชิ้นนี้สะท้อนให้เห็นเพิ่มเติมว่า “ความเป็นชาวดิจิทัลไทย” ไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับอายุที่เป็นเพียงตัวเลข
“เพราะแต่ละบุคคลมีทั้งความเป็นรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อยู่ในตัว”รศ.ดร.จุลนี กล่าวพร้อมสรุปคุณลักษณะสำคัญของชาวดิจิทัลไทย 3 ประการ ได้แก่
“วิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ของชาวดิจิทัลไม่ยึดติดกับกรอบหรือรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง คุณลักษณะเหล่านี้สามารถปรากฏได้ในประชากรทุกเพศทุกวัยเช่นกัน หรือที่เรียกได้ว่า Stay Young Forever นั่นเอง”
คุณลักษณะของชาวดิจิทัลไทยหลายประการมีความคล้ายคลึงกับชาวดิจิทัลในต่างประเทศ แต่ก็มีบางเรื่องที่แตกต่างกัน เช่น ประเด็นการตัดสินใจที่มีความเป็นอิสระ การรักความสนุกสนาน และความรู้สึกผสมทั้งความมั่นใจและไม่มั่นใจในการแสดงออกทางสื่อ Social Media เป็นต้น
รศ.ดร.จุลนี อธิบายว่า “ชาวดิจิทัลทั้งในตะวันตกและไทยมีความรักในอิสรภาพ (freedom) แต่วิธีการตีความ “อิสรภาพ” หรือสถานการณ์อาจมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่าง ชาวดิจิทัลไทยตีความ “อิสรภาพ” ว่าคือการทำและตัดสินใจได้อย่างอิสระ ซึ่งกลับกลายเป็นว่าการมีโทรศัพท์มือถือเป็นทั้งเครื่องมือที่ช่วยสร้างความเป็นอิสระ แต่ในขณะเดียวกันก็ริดรอนอิสระด้วย เพราะใช้มือถือในลักษณะที่เราเองต้องตกเป็นทาสหรือขาดสิ่งนี้ไม่ได้ เป็นต้น”
อีกหนึ่งคุณลักษณะเด่นของชาวดิจิทัลไทยคือการแสดงอารมณ์ขันหรือความตลกปนการล้อเลียน ที่ผสมกลมกลืนกับเรื่องราวหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงและโลกเสมือนจริง (ออนไลน์) นอกจากนี้ ยังมีลักษณะความมั่นใจที่ปะปนกับความไม่มั่นใจในตัวเอง
“ในเรื่องนี้ ยกตัวอย่างชาวดิจิทัลไทยชอบ selfie โพสต์รูปตัวเอง โพสต์สิ่งต่างๆ เพื่อแสดงความโดดเด่นแตกต่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากที่จะแตกต่าง กลัวตกกระแส ซึ่งแสดงว่ามีความมั่นใจที่ซ่อนความไม่มั่นใจเอาไว้อยู่ เป็นต้น”
ในบริบทสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่ความเป็นสังคมสูงอายุ (Aging Society) อย่างสมบูรณ์ ประชากรสูงวัยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ช่องว่างระหว่างวัยก็ดูจะถ่างและห่างขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่าชาวดิจิทัลไทยยังให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ในครอบครัว และเห็นช่องทางการลดช่องว่างระหว่างวัยในครอบครัวด้วยเทคโนโลยี
“สถาบันครอบครัวมีบทบาทสูงมากในสังคมไทย ชาวดิจิทัลไทยยังคงยึดโยงกับครอบครัว ซึ่งปัจจุบันเชื่อมกันได้ด้วยเทคโนโลยี ชาวดิจิทัลไทยสามารถสอนให้ผู้ใหญ่และผู้สูงวัยในครอบครัวใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีและสอนให้ใช้การสื่อสารผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น Facebook หรือ LINE ที่จะเป็นช่องทางเชื่อมต่อคนระหว่างวัยและสร้างความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว”
ผลงานวิจัยเรื่องนี้เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่มีคุณค่าตั้งแต่ระดับครอบครัว องค์กรภาครัฐและเอกชนไปจนถึงการวางแผนเชิงนโยบายระดับประเทศ โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษาเรียนรู้
“วิธีการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความเป็นชาวดิจิทัล ได้แก่ การเรียนรู้ที่ควบคู่กับการปฏิบัติ โดยเฉพาะการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เรียนรู้นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงกับการใช้ชีวิตในมิติต่างๆ ได้อย่างไร” รศ.ดร.จุลนี กล่าว
ชาวดิจิทัลไม่ยึดติดกับการเรียนในสถาบันการศึกษาอย่างที่เคยเป็นมา พื้นที่ของการเรียนรู้ชาวดิจิทัลขยายขอบเขตครอบคลุมทั้งพื้นที่ทางกายภาพเดิมและพื้นที่บนโลกออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดนั้นมีผลต่อทักษะ วิธีคิด ตลอดจนพฤติกรรมของพวกเขา
“วิถีชีวิตของชาวดิจิทัลรุ่นใหม่นั้นรวดเร็ว การรับรู้ข่าวสารสามารถทำได้มากกว่าหนึ่งทางในเวลาเดียวกัน การทำให้สั้นและกระชับเป็นสิ่งชาวดิจิทัลรุ่นใหม่ต้องการ สำหรับชาวดิจิทัล ครูไม่ใช่ผู้ให้ความรู้หรือศูนย์กลางของข้อมูลอีกต่อไป แต่เป็นผู้กระตุ้นการเรียนรู้ผ่านการใช้สื่อการสอนรูปแบบต่างๆ เพื่อกระตุ้นกระบวนการคิดของผู้เรียนเป็นหลัก” รศ.ดร.จุลนี กล่าวในที่สุด
จากชาวดิจิทัลไทย ปัจจุบัน รศ.ดร.จุลนี กำลังศึกษาวิจัยเรื่อง “การพัฒนาศักยภาพและเอกลักษณ์แรงงานอาชีวศึกษาไทยใน 3 อุตสาหกรรมหลัก: การวิเคราะห์ผ่านแผนที่เส้นทางการก้าวเข้าสู่แรงงานอาชีวศึกษาไทย ภายใต้แนวคิดความปกติใหม่” ซึ่งเป็นงานวิจัยที่มองคุณค่า จุดเด่น และเอกลักษณ์ของอาชีวศึกษาในแง่มุมต่าง ๆ ที่ยังไม่ค่อยมีใครนำมาเผยแพร่ให้คนในสังคมทั่วไป ได้มองเห็นหรือรับรู้มากนัก
ผู้สนใจสามารถติดตามผลการวิจัยเรื่อง “การสร้างความเข้าใจในคุณลักษณะ พฤติกรรมและทัศนคติในอนาคตของชาวดิจิทัลไทย” เพิ่มเติมในรูปแบบ E-book ได้ที่เว็บไซต์แผนงานคนไทย 4.0 https://www.khonthai4-0.net/content_detail.php?id=77
และสามารถรับชมผลงานสื่อภาพยนตร์สั้นที่สร้างจากผลการศึกษาบางส่วนของงานวิจัยได้ที่ https://www.khonthai4- 0.net/academies_knowledge_video_detail.php?id=5&sub_category_id=32&content_id=45
หรือดาวน์โหลดรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้ที่ https://www.khonthai4-0.net/content_detail.php?id=328
ครบทุกคำตอบ “กายภาพบำบัด” ฟื้นฟูและพัฒนาสุขภาพสำหรับคนทุกช่วงวัย ในงานประชุมวิชาการสภากายภาพบำบัด 21-22 พ.ย.นี้
แพทย์จุฬาฯ แนะวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ลดความเสี่ยงติดเชื้อในทุกวัย
มิตรเอิร์ธ (MitrEarth) แพลตฟอร์มความรู้ ชี้จุดเสี่ยง แจ้งเตือนภัยพิบัติ ลดความสูญเสีย
คีเฟอร์น้ำเกสรดอกกุหลาบ เครื่องดื่มสุขภาพต้านอนุมูลอิสระ ผลงานนิสิตจุฬาฯ คว้าเหรียญทองระดับโลก
The Skinov’e นวัตกรรมสกินแคร์จากเปลือกกล้วยหอมทองปทุม ผลงานวิจัยจุฬาฯ ที่ทำให้สิวเป็นเรื่องกล้วยๆ
น้ำยายืดอายุกระดาษ นวัตกรรมจุฬาฯ อนุรักษ์เอกสารและภาพศิลปะโบราณให้คงสภาพอีกนานนับทศวรรษ
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้