รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
22 มิถุนายน 2565
ผู้เขียน สุรเดช พันธุ์ลี
“พฤติกรรมเนือยนิ่ง” พฤติกรรมเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและเบาหวาน ผลวิจัยอาจารย์ครุศาสตร์ จุฬาฯ เผย เพียงเดินเบาๆ 3 นาทีหลังนั่งต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 30 นาที ช่วยลดค่าน้ำตาลและไขมันในเลือดได้
วิถีชีวิตปัจจุบันโดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้คนเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลงเนื่องจากต้องกักตัวอยู่ในพื้นที่จำกัด รูปแบบและพฤติกรรมการดำเนินชีวิตติดที่-ติดโต๊ะ-ติดจอ ทั้งนั่งเรียนและนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ จนเกิดภาวะที่เรียกว่า “พฤติกรรมเนือยนิ่ง”
พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ โดยเฉพาะเป็นเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases; NCDs) ที่จำนวนผู้ป่วยทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนองค์การอนามัยโลกออกมารณรงค์แนะนำให้คนรักสุขภาพทั้งหลายขยับร่างกายให้มากขึ้น
แต่ขยับร่างกายอย่างไร บ่อยหรือนานแค่ไหนจึงจะดีต่อสุขภาพ? เหล่านี้มีคำตอบจากงานวิจัย “การแทรกกิจกรรมทางกายระหว่างการนั่งเนือยนิ่งต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน และการตอบสนองของเมตาบอลิซึมหลังอาหารในผู้ชายเชื้อชาติจีนที่มีภาวะ“อ้วนลงพุง” ผลงานวิจัยของอาจารย์ ดร.วริศ วงศ์พิพิธ สาขาสุขศึกษาและพลศึกษา ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับรางวัลวิทยานิพนธ์ระดับดี สาขาการศึกษา ประจำปี 2565 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
อ.ดร.วริศ อธิบายความหมายของ “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” ว่าเป็นพฤติกรรมการนั่งเอนหลัง หรือนอนในขณะที่ตื่นนอนแล้ว หรือภาวะที่ต้นขาอยู่ขนานกับพื้นในขณะที่ตื่นนอน เช่น เวลานั่งทำงาน นั่งเรียนในห้องเรียน ซึ่งร่างกายจะใช้พลังงานค่อนข้างต่ำคือน้อยกว่า 1.5 METs (หน่วยวัดพลังงาน)ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าการนั่งระยะเวลานานเพียงใดถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่งานวิจัยเชิงการทดลองมีแนวโน้มที่จะให้คำแนะนำว่าไม่ควรนั่งนานต่อเนื่องมากกว่า 30–60 นาทีเพื่อสุขภาพที่ดีซึ่งพฤติกรรมเนือยนิ่งนั้นสามารถมีได้ทั้งคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำและคนที่ขาดกิจกรรมทางกาย แต่คนที่ขาดกิจกรรมทางกายจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังสูงที่สุด
อ.ดร.วริศ ทำงานวิจัยชิ้นนี้ระหว่างศึกษาระดับปริญญาเอกที่คณะครุศาสตร์ ที่ The Chinese University of Hong Kong นับเป็นงานวิจัยแรกในศาสตร์ทางด้านสรีรวิทยาของพฤติกรรมเนือยนิ่งที่ศึกษาวิจัยในคนเอเชีย
“เราศึกษากลุ่มผู้ชายเชื้อชาติจีนอายุ 18–34 ปีที่มีภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคต่างๆ โดยศึกษาว่าการนั่งเนือยนิ่งมีผลต่อกลไกเมตาบอลิซึม (metabolism) หรือสรีรวิทยาที่ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำหน้าที่ได้ตามปกติหรือไม่ อย่างไร”
งานวิจัยนี้ศึกษากลุ่มเป้าหมายจำนวน 21คน โดยจะมีการเจาะเลือดตรวจร่างกายหลังการนั่งเนือยนิ่งทุกๆ 30 นาทีเป็นระยะเวลา 7 ชั่วโมง
“เราต้องการดูว่ากลุ่มนี้ต้องขัดการนั่งเป็นระยะเวลานานบ่อยแค่ไหนจึงจะส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยเปรียบเทียบระหว่างการนั่งต่อเนื่องเป็นเวลา 30 นาทีแล้วลุกเดินระดับเบาเป็นเวลา 3 นาที กับการนั่งต่อเนื่อง 60 นาทีแล้วเดินระดับเบาเป็นเวลา 6นาที โดยทั้งสองการทดลองมีการใช้ระดับพลังงานที่เท่ากันแล้วเราจะให้แก่ผู้เข้าร่วมวิจัยรับประทานอาหารที่จัดไว้ให้และเจาะเลือดตรวจทุก 30 นาที” อ.ดร.วริศ อธิบายกระบวนการวิจัย
นอกจากนี้แล้ว อีกงานวิจัยที่ อ.ดร.วริศ ได้ทำเป็นการศึกษากลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่เพศชายจำนวน 18คน ที่มีภาวะอ้วนลงพุงแต่ร่างกายแข็งแรงปกติดีเพื่อศึกษารูปแบบของการลดการนั่งเป็นระยะเวลานานว่ามีผลแตกต่างกันอย่างไร
“กลุ่มตัวอย่างดังกล่าวต้องมาร่วมวิจัยต่อเนื่องจำนวน 3ครั้ง โดยให้ 1) นั่งเนือยนิ่ง 7 ชั่วโมง 2) เดินเบา ๆ 3 นาทีทุก 30 นาทีของการนั่งตลอด 7 ชั่วโมง และ 3) เดินเร็ว 1.5 นาทีทุก 30 นาทีของการนั่งตลอด 7 ชั่วโมง”
โดยทั่วไป คนเราใช้เวลาในการออกกำลังกายเพียง 5% ของเวลาในแต่ละวัน หรือไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่สำหรับผู้ที่กล่าวว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายต่อเนื่อง งานวิจัยเผยว่าเราไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย ต่อเนื่องเป็นชั่วโมงต่อวันก็ได้ เราสามารถสะสมการออกกำลังกายตลอดทั้งวันได้โดยไม่มีการกำหนดขั้นต่ำว่าต้องทำต่อเนื่องกี่นาที ก็สามารถลดความเสี่ยงในการไม่เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ได้
“หลังจากนั่ง 30 นาที หากลุกขึ้นแล้วเดินช้าๆอย่างน้อย 3 นาที หรือถ้าต้องการสะสมการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย อาจจะเดินเร็วๆ สัก1 นาทีครึ่งเป็นต้นไปแทนก็ได้ ก็จะส่งผลดีต่อเมตาบอลิซึม ทำให้ค่าน้ำตาลและไขมันในเลือดหลังรับประทานอาหารลดลงและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดหัวใจได้”
อ.ดร.วริศ กล่าวว่าผลการวิจัยเรื่องนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับคนไทยได้ทุกช่วงวัย ทั้งวัยเรียนวัยทำงาน และผู้สูงวัยเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ลดอัตราการตายก่อนวัยอันควร และส่งเสริมคุณภาพชีวิต
“ระหว่างวัน หลังจากพฤติกรรมเนือยนิ่งต่อเนื่อง 30 นาที เราควรแทรกกิจกรรมทางกายเข้ามา เช่น ยืน เขย่งขา ย่อตัวๆ อยู่ที่โต๊ะทำงาน โต๊ะเรียน หรือเดินเบาๆ เดินเร็วเพื่อให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๆ มีการบีบและคลายตัว เพียงประมาณ 1.5- 3 นาทีเท่านั้น โดยที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเองทั้งที่ทำงานหรือที่บ้าน ซึ่งไม่ทำให้เสียเวลางานหรือหลุดจากโฟกัสของงานเลยและยังมีสุขภาพที่ดีขึ้น” อ.ดร.วริศแนะนำ
อ.ดร.วริศ ได้ประยุกต์ผลงานวิจัยนี้มาใช้กับการเรียนการสอนที่คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ในรายวิชาที่อาจารย์สอน โดยแนะนำให้นิสิตยืน ลุกนั่ง เดินไปเข้าห้องน้ำหรือดื่มน้ำ หรือทำกิจกรรมในห้องเรียนที่ให้มีการเคลื่อนไหวร่างกาย อย่างน้อย 1.5 – 3 นาทีทุกๆ 30 นาทีของการนั่งต่อเนื่อง แล้วจึงกลับมาเรียนต่อ ซึ่งได้รับผลตอบรับจากนิสิตเป็นอย่างดี เพราะนิสิตมีสุขภาพที่ดีขึ้น ตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น ไม่ง่วงนอน นับเป็นการส่งเสริมการเป็นมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพด้วย
ปัจจุบัน อ.ดร.วริศ ได้รับทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ ของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้ศึกษาวิจัยต่อยอดเรื่องพฤติกรรมนั่งเนือยนิ่งกับการแทรกกิจกรรมทางกายในกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงไทยที่มีน้ำหนักเกิน โดยร่วมมือกับภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ คาดว่างานวิจัยจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปีหน้า
มิตรเอิร์ธ (MitrEarth) แพลตฟอร์มความรู้ ชี้จุดเสี่ยง แจ้งเตือนภัยพิบัติ ลดความสูญเสีย
คีเฟอร์น้ำเกสรดอกกุหลาบ เครื่องดื่มสุขภาพต้านอนุมูลอิสระ ผลงานนิสิตจุฬาฯ คว้าเหรียญทองระดับโลก
The Skinov’e นวัตกรรมสกินแคร์จากเปลือกกล้วยหอมทองปทุม ผลงานวิจัยจุฬาฯ ที่ทำให้สิวเป็นเรื่องกล้วยๆ
น้ำยายืดอายุกระดาษ นวัตกรรมจุฬาฯ อนุรักษ์เอกสารและภาพศิลปะโบราณให้คงสภาพอีกนานนับทศวรรษ
อาหารเป็นยา นวัตกรรมเพื่อสุขภาพของคนยุคปัจจุบัน
จุฬาฯ ชู “หมัดสั่ง” ภาพยนตร์สารคดีฟื้นจิตวิญญาณมวยไทยบนสังเวียนโลก
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้