รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
21 กันยายน 2565
ผู้เขียน สุรเดช พันธุ์ลี
สัตวแพทย์ จุฬาฯ วิจัยหนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมพัฒนาและผลิตน้ำนมคุณภาพสูง “สระบุรีพรีเมียมมิลค์” ผันตัวเป็นผู้ประกอบการ สร้างแบรนด์ธุรกิจฟาร์มเพื่อยืนหยัดแข่งขันในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับภาวะคุกคามของข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ในปี 2568 และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) เกษตรกรมีโอกาสสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการผลิตน้ำนมดิบคุณภาพสูง และยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของฟาร์มเพื่อผลิตน้ำนมคุณภาพระดับพรีเมียม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรโคนมไทยกว่า 16,000 ครอบครัวที่ต้องเตรียมพร้อมและปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบจากภาวะคุกคาม หากไม่มีการปรับเปลี่ยนเมื่อสัญญาเขตการค้าเสรีเริ่มมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในปี 2568 น้ำนมและผลิตภัณฑ์นมหลากหลายชนิดจากประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น จะเข้ามาทำการตลาดและแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากไม่มีกำแพงภาษี ดังนั้นเกษตรกรต้องเร่งพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมในการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศ
ความสดใหม่ (Freshness) และคุณภาพของน้ำนมสดระดับพรีเมียม (Premium Quality Milk) เป็นอีกหนึ่งคำตอบในการเร่งปรับเปลี่ยนการผลิตและเพิ่มช่องทางการตลาด รองศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.กิตติศักดิ์ อัจฉริยะขจร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงจุดมุ่งหมายในการริเริ่มโครงการวิจัย “การพัฒนาต้นแบบเชิงธุรกิจการเกษตรน้ำนมและผลิตภัณฑ์นมพรีเมียม จังหวัดสระบุรี” ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ตั้งแต่ต้นปี 2564 ทีมวิจัยฯ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง (mentor) ที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทยยกระดับคุณภาพน้ำนม รวมถึงการพัฒนาทักษะต่างๆเพื่อให้เกษตรกรก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการ จนสามารถเกิดต้นแบบธุรกิจฟาร์มที่มีศักยภาพในการผลิตน้ำนมระดับพรีเมียมได้ และเกิดแบรนด์สินค้าผลิตภัณฑ์นมแปรรูปของฟาร์มเกษตรกรเองถึงสามแบรนด์
“นี่เป็นหนึ่งในทางรอดของเกษตรกรไทย ในเมื่อประเทศผู้ผลิตน้ำนมรายใหญ่ได้มองเห็นศักยภาพของตลาดของน้ำนมพรีเมียมในเอเชีย สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นตลาดขนาดใหญ่ของนมพรีเมียม มีผู้บริโภคนมพรีเมียมถึง 26% รองลงมาคือสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย เราควรขยับเข้าสู่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยมทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้ได้ เพราะนอกจากเราจะสามารถผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพระดับพรีเมียมได้แล้ว ผลิตภัณฑ์ของเรายังมีความสดใหม่ นำส่งถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศ”
รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ กล่าวว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในเรื่องวิชาการหลายด้าน ในการสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตั้งแต่เรื่องการจัดการฟาร์ม เทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ รวมถึงด้านการตลาดและงานวิจัยวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ จากศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเลี้ยงโคนมในเขตร้อนชื้นของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่ตั้งอยู่ที่ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาคอ. แก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นหน่วยงานหลักในการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้าไปพัฒนาความสามารถในการผลิตน้ำนมให้เกษตรกร ตั้งแต่การปรับปรุงการบริหารจัดการฟาร์ม การสร้างระบบการคัดแยกน้ำนมดิบพรีเมียม ในส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมแปรรูป ทางโครงการวิจัยได้รับความร่วมมือจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ในการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ และในส่วนของการพัฒนาต้นแบบธุรกิจและส่งเสริมการตลาดยังได้รับความร่วมมือจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ในการส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาธุรกิจการแปรรูปและมองเห็นช่องทางการตลาดใหม่ๆอีกด้วย
รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ ได้อธิบายเรื่องคุณภาพของน้ำนมโคระดับพรีเมียมว่าเป็นน้ำนมที่มีปริมาณไขมันสูงไม่น้อยกว่า 4% มีโปรตีนไม่น้อยกว่า 3.1% และมีจำนวนเม็ดเลือดขาวและแบคทีเรียในน้ำนมไม่เกินค่ามาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดไว้ซึ่งเป็นระดับมาตรฐานที่สูงกว่ามาตรฐานน้ำนมทั่วไป คุณสมบัติพิเศษที่กล่าวมานั้นจะมีผลต่อรสชาติของน้ำนมพร้อมดื่มและเมื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โยเกิร์ต ชีส เนย ฯลฯ ยังทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุเก็บรักษาที่นานขึ้นด้วย
ประเทศไทยมีโคนมประมาณ 6 แสนตัว สามารถผลิตน้ำนมดิบเฉลี่ยประมาณ 3,000 ตันต่อวันหรือล้านกว่าตันต่อปี มูลค่าน้ำนมในประเทศไทยมีสูงถึง 2 หมื่นกว่าล้านบาท แต่ผลิตภัณฑ์น้ำนมมีอัตราการเติบโตเพียงแค่ 1- 3% ต่อปีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ โครงการวิจัยฯ จึงมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์น้ำนมแปรูปที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 15%
โครงการวิจัยฯ เลือก “จังหวัดสระบุรี” เป็นพื้นที่วิจัยต้นแบบ ไม่เพียงเพราะจุฬาฯ มีศูนย์การเรียนรู้และศูนย์วิจัยฯ ที่นั่น แต่จังหวัดสระบุรียังเป็นจังหวัดที่เป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและสามารถผลิตน้ำนมโคได้มากเป็นระดับต้นๆ ของประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกว่า 4,000 ราย หรือ 1 ใน 4 ของประเทศ และสามารถผลิตน้ำนมโคได้ประมาณ 20% ของประเทศไทย
“เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในจังหวัดสระบุรีประสบปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงมาก อากาศที่ร้อน ทำให้ผลผลิตน้ำนมที่ได้มีปริมาณลดลง นอกจากนี้ ฟาร์มโคนมในจังหวัดสระบุรีเป็นฟาร์มขนาดกลาง ซึ่งไม่สามารถขายน้ำนมดิบโดยตรงเข้าสู่โรงงานได้” รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ เผยถึงประเด็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรที่ศูนย์วิจัยฯ ได้เข้าช่วยเหลือด้วยการบริหารจัดการฟาร์มโดยอาศัยข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ (Precision Dairy Farm Management) และการพัฒนาระบบลดความร้อนภายในฟาร์มเพื่อให้โคนมกินอาหารได้เพิ่มขึ้นและผลิตน้ำนมได้มากขึ้น ร่วมกับการควบคุมคุณภาพน้ำนมดิบให้เป็นไปตามมาตรฐาน
โครงการวิจัยฯ เห็นความสำคัญของการสร้างเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรที่มีศักยภาพในการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าการผลิตน้ำนมดิบให้ได้มาตรฐานน้ำนมดิบระดับพรีเมียม และพัฒนาต้นแบบเชิงธุรกิจ โดยเริ่มจากการสื่อสารและคัดกรองฟาร์มโคนมที่มีความสนใจ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ธนศักดิ์ บุญเสริม ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เน้นการสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม สะท้อนปัญหาว่า “การรวบรวมน้ำนมดิบเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ผู้รวบรวมน้ำนมดิบยังไม่สามารถแยกน้ำนมดิบคุณภาพดีเยี่ยมออกจากน้ำนมดิบคุณภาพระดับปานกลางได้ น้ำนมสดคุณภาพพรีเมียมจึงถูกนำมาเทรวมกันที่ศูนย์รวบรวมน้ำนมหรือสหกรณ์โคนมก่อนที่จะนำน้ำนมไปขายให้โรงงานแปรรูป
“เกษตรกรที่ผลิตนมสดคุณภาพพรีเมียมจึงเสียโอกาสที่จะได้ค่าตอบแทนสำหรับความพรีเมียมของผลผลิตที่ทำได้ บริษัทผู้แปรรูปน้ำนมและผลิตภัณฑ์นมก็ไม่สามารถเข้าถึงน้ำนมดิบคุณภาพพรีเมียมเพื่อให้มีปริมาณเพียงพอที่จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นได้ ในขณะที่ผู้บริโภคก็พลาดโอกาสที่จะได้บริโภคน้ำนมระดับพรีเมียม”
โครงการฯ ได้คัดเลือกเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายจากเกษตรกรที่สมาชิกของศูนย์รวบรวมน้ำนมและสหกรณ์โคนมจำนวน 12 แห่ง โดยพิจารณาจากผลการตรวจคุณภาพน้ำนมย้อนหลังเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งพบว่ามีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 114 ราย (จาก 4,008 ราย) ที่สามารถผลิตน้ำนมดิบมีคุณภาพระดับพรีเมียมผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แต่ยังขาดความสามารถในการผลิตน้ำนมให้มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ มาเข้าร่วมโครงการฯ คณะผู้วิจัยฯ ได้เข้าไปทำงานร่วมกับเกษตรกรเพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบ พัฒนากระบวนการคิดของเกษตรกรผ่านกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นใจที่จะก้าวไปสู่การป็นผู้ประกอบธุรกิจนมพรีเมียม
หลายครั้งการวิจัยและพัฒนามักมุ่งไปที่ผลิตภัณฑ์และทิ้งให้เกษตรกรทำการตลาดเอง ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเกษตรกร แต่ในโครงการวิจัยนี้ ทีมผู้วิจัยได้ร่วมกันดูแลตั้งแต่พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำนมไปจนถึงพัฒนาตัวแบบธุรกิจ (Business Model) เพื่อทดลองจำหน่ายจริงในตลาด โดยการทำวิจัยทางการตลาด การออกแบบการบริการที่ช่วยเพิ่มการกระจายผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการแปรรูปสินค้านมพรีเมียมและช่องทางการตลาดที่สามารถเชื่อมโยงเศรษฐกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสู่ตลาดผู้บริโภคในสังคมเมือง
โครงการฯ ได้คัดเลือกเกษตรกร 3 ฟาร์มเป็นต้นแบบผลิตน้ำนมภายใต้ “สระบุรีพรีเมียมมิลค์”โดย ทั้ง 3 แบรนด์มีความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์แตกต่างกันได้แก่ เพชรพนามิลค์ นมจากฟาร์มที่มีการเลี้ยงโคนมด้วยหญ้าสดคูณภาพดี NP Dairy นมจากฟาร์มโคนม zero waste ที่มีการจัดการของเสียในฟาร์มแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) และ Be More Milk นมจากฟาร์มโคนมอินทรีย์ที่ได้ผ่านการรับรอง ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์นมสดพรีเมียมพาสเจอไรซ์และกรีกโยเกิร์ตจาก 3 ฟาร์มต้นแบบดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการพัฒนารูปแบบและทดสอบตลาดแล้วทั้งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ ศูนย์กีฬาแห่งจุฬาฯ ลิโด้คอนเน็ค สยามสแควร์ และการจำหน่ายผ่านกลุ่มไลน์แอปพลิเคชัน
“ผลการทดสอบตลาดเป็นที่น่าพอใจ และยังเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการบริโภคนมที่สดใหม่จริงๆและมีผู้บริโภคหลายคนที่สามารถผัสผัสได้ถึงความแตกต่างจากนมที่เคยบริโภค” ผศ.น.สพ.ธนศักดิ์ กล่าว
รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ หวังให้ต้นแบบธุรกิจ “สระบุรีพรีเมียมมิลค์” นำไปสู่การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าการผลิตน้ำนมรูปแบบใหม่ ที่จะช่วยเสริมรายได้ครัวเรือนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้เพิ่มขึ้น เกิดธุรกิจการแปรรูปนมที่กลุ่มเกษตรกรเป็นเจ้าของกิจการ สร้างความยั่งยืนให้อาชีพการเลี้ยงโคนมของประเทศไทย อีกทั้งผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกผลิตภัณฑ์นมพรีเมียมเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นด้วย
“ความท้าทายในการทำงานของโครงการฯ อยู่ที่ความพร้อมในการริเริ่มธุรกิจใหม่ของเกษตรกร และสหกรณ์แต่ละแห่งมีแนวนโยบายที่แตกต่างกัน โครงการฯ จึงให้การสนับสนุนเกษตรกรที่มีศักยภาพ มีความพร้อมได้เริ่มตั้งต้นธุรกิจนมพรีเมียม ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้เกษตรกรรายอื่นๆ เกิดความมั่นใจในการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนมพรีเมียม”
รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ กล่าวเสริมว่าปัจจุบันโครงการฯ กำลังศึกษาถึงต้นแบบโรงงานขนาดเล็กที่ใช้เครื่องจักรแปรรูปที่มีราคาไม่สูงมากแต่มีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาให้ได้มาตรฐานซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจมีความยั่งยืนและขยายผลต่อได้ ทั้งในด้านช่องทางการกระจายสินค้าผ่านธุรกิจการค้าปลีกสมัยใหม่(modern trade) และช่องทางการตลาดออนไลน์
ทั้งนี้ ผศ.น.สพ.ธนศักดิ์เน้นว่าโอกาสความสำเร็จของโครงการวิจัยจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐที่จะกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นยุทธศาสตร์ของจังหวัดสระบุรี
“สิ่งที่โครงการทำคือการเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงพัฒนาคุณภาพน้ำนมจากฟาร์มซึ่งมีความสนใจที่จะยกระดับประสิทธิภาพการผลิต และนำมาพัฒนาเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์โดยให้เกษตรกรได้ทดลองผลิตเอง จากนั้นจึงนำน้ำนมที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกมาแปรรูปเพื่อจำหน่าย และสร้างกลุ่มลูกค้าเพื่อทดสอบตลาด เกษตรกรจึงเกิดการเรียนรู้และพัฒนาจากการทดลองปฏิบัติจริง จนเมื่อเกษตรกรมีความมั่นใจและมีความพร้อม ทางโครงการวิจัยก็ยินดีส่งมอบธุรกิจให้เป็นของเกษตรกรต่อไป”
โครงการวิจัยกำลังมองหาหุ้นส่วนนักลงทุนหรือเกษตรกรที่มีความสนใจร่วมพัฒนาธุรกิจนมสดคุณภาพสูงต่อไป โปรดติดตามการดำเนินงานของศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาการเลี้ยงโคนมในเขตร้อนชื้น คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้ที่Facebook : ศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาการเลี้ยงโคนมในเขตร้อนชื้น
ของเล่นส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงวัย เล่นก็ได้ แต่งบ้านก็ดี ผลงานการออกแบบจากอาจารย์จุฬาฯ
Virtual StudioLab ห้องเรียนวิทยาศาสตร์เสมือนจริง บ่มเพาะเด็กไทยสู่นักสร้างสรรค์นวัตกรรมวิทยาศาสตร์ ผลงานนิสิต ป.เอก ครุฯ จุฬาฯ คว้ารางวัลระดับโลก
“Night Museum at Chula”เปิดประสาทสัมผัสทั้ง 5 ตื่นตากับพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน
ครบทุกคำตอบ “กายภาพบำบัด” ฟื้นฟูและพัฒนาสุขภาพสำหรับคนทุกช่วงวัย ในงานประชุมวิชาการสภากายภาพบำบัด 21-22 พ.ย.นี้
แพทย์จุฬาฯ แนะวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ลดความเสี่ยงติดเชื้อในทุกวัย
มิตรเอิร์ธ (MitrEarth) แพลตฟอร์มความรู้ ชี้จุดเสี่ยง แจ้งเตือนภัยพิบัติ ลดความสูญเสีย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้