รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
15 พฤศจิกายน 2567
ข่าวเด่น
ผู้เขียน คณาจารย์ศศินทร์ จุฬาฯ
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ประกอบกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือที่เรียกว่า Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2065 ของประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitics) และเศรษฐกิจการเมือง (geoeconomics) มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนและบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์
เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนและกลยุทธ์ขององค์กรในหลากหลายมิติ ดังนั้นบทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อเน้นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตของนักลงทุนและบริษัทในตลาดหุ้นที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ เศรษฐศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์ (geoeconomics) ภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitics) และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี (technology disruption) โดยเฉพาะในบริบทของประเทศไทยซึ่งมีผลกระทบทั้งในแง่ข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัดในด้านต่างๆ ที่สำคัญ
จากงานวิจัยในหัวข้อ “Climate change and shareholder value: Evidence from textual analysis and Trump’s unexpected victory” ซึ่งเป็นงานวิจัยจากทีมวิจัยของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่องานวิจัยด้านบรรษัทภิบาลและการเงินเชิงพฤติกรรม สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ที่มีต่อมูลค่าของผู้ถือหุ้น โดยใช้การวิเคราะห์ข้อความและชัยชนะที่คาดไม่ถึงของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งปี 2016 เป็นกรณีศึกษา ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีปฏิกิริยาตลาดเชิงลบมากกว่าเมื่อทรัมป์ชนะ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ทรัมป์ ซึ่งสงสัยในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะลดการสนับสนุนทางกฎระเบียบในการรับมือปัญหานี้ ส่งผลให้บริษัทที่เปราะบางได้รับความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ทัศนคติและการตัดสินใจของผู้นำทางการเมืองมีผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทของบริษัทที่อยู่ในตลาด นอกจากนี้ความไม่แน่นอนทางกฎระเบียบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทำให้นักลงทุนต้องปรับกลยุทธ์ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อความอยู่รอดของบริษัทในอนาคต จากงานวิจัยชิ้นนี้ได้สรุปประเด็นสำคัญไว้ดังนี้
เราจะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนำมาซึ่งความเสี่ยงหลายประการ เช่น ความเสี่ยงทางกายภาพจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ เช่น การเพิ่มภาษีคาร์บอน หรือข้อบังคับด้านพลังงานสะอาด สำหรับนักลงทุน ความเสี่ยงเหล่านี้อาจนำไปสู่ความผันผวนในตลาดและทำให้ต้องประเมินการลงทุนใหม่อย่างถี่ถ้วน บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันเวลาอาจประสบปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม บริษัทที่มองเห็นโอกาสในการลงทุนเพื่อความยั่งยืน เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด อาจสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ เช่น บริษัทพลังงานในประเทศไทยที่หันมาลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมอาจได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว เนื่องจากมีความต้องการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น
นอกจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง รวมทั้งการเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการเข้าถึง Net Zero ในปี ค.ศ. 2065 เรายังต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitics) และเศรษฐกิจการเมือง (geoeconomics) ซึ่งแน่นอนว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนรวมทั้งบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น บทความนี้จะเขียนอธิบายถึงผลกระทบต่างๆ ดังนี้
ผลกระทบของภูมิอากาศและภูมิรัฐศาสตร์ต่อการลงทุน
การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและนโยบายภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศต่างๆ ส่งผลกระทบสำคัญต่อการลงทุนในบริษัทที่มีสินทรัพย์หรือตลาดในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงอุตสาหกรรมที่มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติสูง เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นักลงทุนที่ลงทุนในบริษัทเหล่านี้ อาจพบกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนทางกฎหมาย และนโยบายที่เข้มงวดขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตัวอย่างเชิงปฏิบัติของไทยคือการที่ภาครัฐสนับสนุนการลงทุนพลังงานสะอาด เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวเท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลก นักลงทุนที่มองการณ์ไกลสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ โดยเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ภูมิรัฐศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกรอบการลงทุนและการดำเนินงานของบริษัทมหาชน โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลทั่วโลกกำลังผลักดันกฎระเบียบใหม่เพื่อรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากเกิดความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น การถอนตัวของประเทศมหาอำนาจจากข้อตกลงดังกล่าว นักลงทุนอาจเกิดความกังวลและกระทบต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างในประเทศไทยที่น่าสนใจคือ อุตสาหกรรมส่งออกที่ต้องเผชิญกับมาตรการทางสิ่งแวดล้อมจากประเทศคู่ค้า เช่น สหภาพยุโรป หากบริษัทไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่ได้ อาจทำให้สูญเสียตลาดหรือเผชิญกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรและมูลค่าหุ้นในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมือง
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมือง เช่น การผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) หรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีเพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอน สามารถส่งผลกระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบต่อบริษัทมหาชน ตัวอย่างเช่น บริษัทที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ในขณะที่บริษัทที่ต้องพึ่งพาการใช้พลังงานจากฟอสซิลอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีคาร์บอน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมืองยังอาจส่งผลต่อโอกาสทางการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น บริษัทที่ลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อาจสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดได้ ขณะที่บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้อาจสูญเสียโอกาสและกลายเป็นเป้าหมายของการถูกเลิกกิจการ
การพยายามบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2065
การที่ประเทศไทยตั้งเป้าหมายเป็น Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2065 เป็นความท้าทายที่ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และนักลงทุน โดยนักลงทุนที่ใส่ใจในความยั่งยืนมีแนวโน้มสนใจบริษัทที่มีมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน การพัฒนานวัตกรรมทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงการตั้งเป้าหมายความยั่งยืนที่ตรวจสอบได้ สิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเพิ่มมูลค่าในตลาดหุ้นของบริษัทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยในการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 ถือเป็นความท้าทายใหญ่ที่ต้องการการลงทุนและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ลดการปล่อยคาร์บอนยังคงต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านต้นทุนที่สูงและความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางการเมือง นักลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยงเหล่านี้เมื่อตัดสินใจลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน รวมถึงมีข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ความไม่พร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในการสนับสนุนพลังงานสะอาด ความจำเป็นในการลงทุนเพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเทคโนโลยี สิ่งนี้อาจเป็นภาระต่อนักลงทุนและภาคเอกชนในระยะสั้น แต่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แม้ว่าจะได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย หรือการสนับสนุนที่ไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้การพัฒนาไม่ยั่งยืนและกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี (Technology Disruption)
เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน ทำให้เกิดผลกระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบต่อนักลงทุนและบริษัทในตลาดหุ้น ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการประหยัดทรัพยากร สำหรับนักลงทุน เทคโนโลยีเหล่านี้สร้างโอกาสให้พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำและรวดเร็วเพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้ดีขึ้น ในทางกลับกัน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีก็สร้างความเสี่ยง เช่น บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีได้อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาด ซึ่งอาจทำให้มูลค่าหุ้นลดลง
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อนักลงทุนและบริษัทมหาชน การพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย แม้ว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ก็ยังมาพร้อมกับข้อจำกัด เช่น การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และความเสี่ยงที่เทคโนโลยีอาจล้าสมัยอย่างรวดเร็ว นักลงทุนจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการลงทุนในเทคโนโลยีที่มีศักยภาพจะสามารถให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่ รวมถึงต้องประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเทคโนโลยีและผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภูมิรัฐศาสตร์สร้างข้อดีและข้อเสียต่อบริษัทและนักลงทุน โดยมีข้อดีคือโอกาสการลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ข้อเสียคือนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการปรับตัวและส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน ส่วนข้อจำกัดคือการขาดโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่เพียงพอในบางภูมิภาค ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจการเมืองเป็นปัจจัยที่นักลงทุนและบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ต้องเผชิญ การวางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความเสี่ยงและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้น จะเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนและการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในอนาคต
อ้างอิง
Chatjuthamard, P., Lee, S. M., Kim, Y. S., Jiraporn, P., & Potosky, D. (2024). Climate change and shareholder value: Evidence from textual analysis and Trump’s unexpected victory. Journal of Business Research, 180, 114728. https://doi.org/10.1016/j.jbusres.2024.114728
บทความนี้เขียนโดยคณาจารย์ศศินทร์
1. รศ.ดร.พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่องานวิจัยด้านบรรษัทภิบาลและการเงินเชิงพฤติกรรม สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์
2. ศ.ดร.ภรศิษฐ์ จิราภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัย สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์
3. ศ.ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน นักวิชาการอิสระ อดีตศาสตราจารย์วิทยาลัยประชากรศาสตร์จุฬาฯและสถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์
4. ผศ.ดร.ภัทเรก ศรโชติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศศินทร์
สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ มอบเงินสนับสนุน 3 ล้านบาทให้สโมสรฟุตบอล “จามจุรียูไนเต็ด”
สถาปัตย์ จุฬาฯ เปิดหลักสูตร ‘Cutting-Edge Design’ เสริมทักษะการออกแบบระดับมืออาชีพ
การสร้าง Course Syllabus และการทำแบบประเมินการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านระบบ myCourseVille สำหรับระบบทวิภาค และระบบทวิภาค – นานาชาติ ภาคการศึกษาปลาย ปีการศึกษา 2567
คอนเสิร์ตเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย – ตุรกีบรรเลงดนตรีโดยวงจุฬาฯ เชมเบอร์
เชิญชวนร่วมกิจกรรม “สัปดาห์เพื่อสุขภาพสตรี” CU Women’s Health Week: Season 1 ที่ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาฯ
19-21 พ.ย. 67
ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาฯ อาคารจามจุรี 9
จุฬาฯ จัดสัมมนา “แนวทางพัฒนาและการประเมินผลิตภัณฑ์อาหารดัดแปลงเนื้อสัมผัสและอาหารสำหรับผู้สูงวัย”
2 ธ.ค. 67 เวลา 13.00 น.
ห้อง 701 อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (จามจุรี 10)
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้