ข่าวสารจุฬาฯ

ความยืดหยุ่นคือกุญแจสู่ความอยู่รอดของธุรกิจในยุคความไม่แน่นอน

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามที่ปะทุขึ้นในหลายมุมของโลก เช่น รัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันและสินค้าทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น รวมถึงวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น โควิด-19 ที่ทำให้สินค้าขาดแคลน ราคาสูงขึ้น และการจัดส่งล่าช้า ไม่เพียงเท่านั้น สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ยังกระทบการค้าระหว่างประเทศและเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก แถมการมาถึงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็เปลี่ยนโฉมการทำงานในหลายอุตสาหกรรมจนทำให้หลายคนกังวลเรื่องการตกงาน

แล้วธุรกิจจะอยู่รอดและเติบโตในยุคแห่งความไม่แน่นอนเช่นนี้ได้อย่างไร? การที่ธุรกิจมี “สินทรัพย์อเนกประสงค์” หรือทรัพย์สินที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลายรูปแบบเป็นหนึ่งในคำตอบที่สำคัญสำหรับการอยู่รอดในยุคที่มีความผันผวนสูง ธุรกิจที่สามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่ให้เข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจะสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตได้ดีกว่าธุรกิจที่ขาดความยืดหยุ่น ลองนึกถึงตัวอย่างช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ร้านอาหารบางแห่งที่มีพื้นที่กว้างสามารถปรับเป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซในช่วงกลางวัน หรือโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่เปลี่ยนสายการผลิตมาทำหน้ากากอนามัย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความยืดหยุ่นในการใช้ทรัพยากร ซึ่งช่วยให้พวกเขายังคงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ต่างจากร้านหรือโรงงานที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย นอกจากรอให้สถานการณ์ดีขึ้น 

เช่นเดียวกับการเลือกซื้อมือถือที่อัพเกรดซอฟต์แวร์ได้ ธุรกิจที่มีทรัพย์สินที่ปรับตัวได้ก็ย่อมมีข้อได้เปรียบมากกว่า เช่น อาคารสำนักงานที่ออกแบบให้ปรับเป็นพื้นที่ค้าปลีกหรือคลังสินค้าได้ ย่อมมีโอกาสในการปล่อยเช่ามากกว่าในยุคที่คนหันไปทำงานที่บ้านกันมากขึ้น หรือเครื่องจักรที่สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายก็สามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการของตลาดได้รวดเร็วกว่าธุรกิจที่มีทรัพย์สินเฉพาะทางเพียงอย่างเดียว

หากเปรียบเทียบการบริหารสินทรัพย์ที่ยืดหยุ่นกับการลงทุน การมีสินทรัพย์ที่ใช้ได้หลายอย่างก็เหมือนกับการกระจายความเสี่ยง หากธุรกิจหนึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรไปทำอย่างอื่นได้ นอกจากนี้ ธนาคารยังมองว่าสินทรัพย์ที่มีความยืดหยุ่นสูงเป็นหลักประกันที่ดีในการปล่อยกู้ เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและสามารถนำไปขายต่อได้ง่าย ทำให้เงื่อนไขในการกู้เงินดีขึ้นและดอกเบี้ยต่ำกว่า

นอกเหนือจากข้อดีต่อธุรกิจการมีสินทรัพย์อเนกประสงค์ยังช่วยส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่ากว่า เปรียบเสมือนการใช้กล่องพลาสติกใส่อาหารที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้  ดีกว่าต้องใช้ภาชนะหลายใบที่ทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่และทรัพยากร

สำหรับนักลงทุนการเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูงนั้นถือเป็นการลดความเสี่ยงในระยะยาว เพราะในยุคที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนี้ ธุรกิจที่สามารถปรับตัวและมีแผนสำรองรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจะมีโอกาสอยู่รอดและเติบโตได้มากกว่า เหมือนคำกล่าวของชาร์ลส์ ดาร์วิน ที่ว่า “ไม่ใช่สปีชีส์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุดที่จะอยู่รอด แต่เป็นสปีชีส์ที่สามารถปรับตัวได้ดีที่สุด”

ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเตรียมความพร้อม การมีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการบริหารสินทรัพย์จึงไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็น เหมือนกับการมีร่มในหน้าฝนหรือมีเงินเก็บในยามฉุกเฉิน สำหรับธุรกิจการมีทรัพย์สินที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจึงกลายเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคที่ไร้ความแน่นอน     

อ้างอิง

Chatjuthamard, P., Papangkorn, S., Jiraporn, P., & Phiromswad, P. (2024). Asset redeployability, sustainability, and managerial prudence: evidence from economic policy ncertainty. International Journal of Accounting & Information Management32(1), 100-121.

บทความนี้เขียนโดย คณาจารย์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin School of Management) : รศ.ดร. พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส/ ศ.ดร. ภรศิษฐ์ จิราภรณ์/ รศ.ดร. ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์/ ดร. สรวงรัตน์ ปภังกร

จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด

คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า