รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
1 เมษายน 2568
ข่าวเด่น
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่สร้างความตื่นตระหนกและตั้งคำถามใหญ่ถึงความพร้อมของเมืองหลวงในการรับมือกับภัยธรรมชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันวิชาการชั้นนำของประเทศ ตระหนักถึงบทบาททางวิชาการและความรู้ข้ามศาสตร์ที่สามารถนำมารับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรอบด้าน จึงจัดงานเสวนา Chula the Impact ครั้งที่ 32 ภายใต้หัวข้อ “จุฬาฯ ระดมคิด ฝ่าวิกฤตแผ่นดินไหว: เราจะรับมือและฟื้นตัวได้อย่างไร?” เมื่อวันอังคารที่ 1 เมษายน 2568 เวลา 10.30 – 12.30 น. ณ เรือนจุฬานฤมิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมเชิญนักวิชาการจากหลากหลายสาขาวิชา ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางการรับมือแผ่นดินไหวอย่างรอบด้าน ทั้งมิติของวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม กฎหมาย และการสื่อสารสาธารณะ
ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เน้นย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยในวันนี้ว่าไม่ได้เป็นการศึกษาให้ความรู้ในห้องเรียนเท่านั้นแต่เน้นการสร้างคุณภาพชีวิต นำไปใช้ได้จริง “สังคมมีปัญหา จุฬาฯ มีคำตอบ” การเสวนา Chula the Impact ครั้งนี้นอกจากความรู้ทางด้านวิกฤตแผ่นดินไหวแล้ว จุฬาฯ ยังให้ความรู้ในการจัดการในภาวะวิกฤต หรือ Crisis Management ด้วย แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่ทำให้เราตั้งรับกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงการปรับตัวและจัดการกับวิกฤตแผ่นดินไหวแก่ประชาชน ทุกคนมีหน้าที่ในการจัดการในเรื่องแผ่นดินไหวที่ทันท่วงที นอกจากนี้จะต้องมีการชดเชยและเยียวยา เช่น จัดหาอาหารและที่พักฉุกเฉิน สุดท้ายจะต้องมีจุดศูนย์รวมในการเผยแพร่ข่าว การเสวนาครั้งนี้จะชี้แนะวิธีที่ทำให้เราไม่ตื่นตระหนกเกินไปและสามารถจัดการวิกฤตได้ทันท่วงที
ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงพื้นฐานของแผ่นดินไหว รวมถึง Aftershock ที่มักเกิดตามมา พร้อมอธิบายความแตกต่างระหว่าง Magnitude กับระดับความรุนแรง ตลอดจนชนิดของแผ่นดินไหวที่อาจก่อให้เกิดสึนามิ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจธรรมชาติของภัยพิบัตินี้อย่างถูกต้อง
“ในทางวิทยาศาสตร์สามารถระบุพื้นที่อ่อนไหวที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวได้ ซึ่งมีหลากหลายวิธีในการประเมิน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อใด หากมีข้อมูลเชิงเวลาของแผ่นดินไหวออกมาสามารถตีความได้ว่าเป็นเท็จทันที ส่วน Aftershock เปรียบเป็นลูกของแผ่นดินไหว เราจะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจาก Aftershock บ้าง แต่ไม่เป็นภัย และ Aftershock ที่ตามมาก็จะมีขนาดความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราน้อยลงเรื่อย ๆ” ศ.ดร.สันติ ยังกล่าวถึงโอกาสเกิดสึนามิในไทย ว่าสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะฝั่งทะเลอันดามันเท่านั้น และคลื่นที่เกิดในแหล่งน้ำปิด (เช่น สระว่ายน้ำ, คลอง) เป็นปรากฏการณ์ “Seiche” ไม่เป็นอันตรายเท่าสึนามิ
ศ.ดร.สันติ อธิบายเพิ่มเติมว่า Earthquake Magnitude คือขนาดของแผ่นดินไหว ซึ่งหมายถึงพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากจุดศูนย์กลางที่เกิดแผ่นดินไหว ส่วนความรุนแรง (Intensity) คือสิ่งที่แต่ละพื้นที่รู้สึกได้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะทางและสภาพพื้นดิน โดยหนึ่งแมกนิจูดอาจจะมีหลายค่าความรุนแรง หลายค่าแรงสั่นสะเทือน นักแผ่นดินไหววิทยาพยายามจะสื่อสารให้มนุษย์เข้าใจผ่านการบอกระดับ โดยระดับความรุนแรงจะมีมาตราแบ่งออกไปแตกต่างตามแต่ละภูมิภาค ทุกอย่างควรเริ่มตั้งแต่การเตรียมพร้อมรับมือก่อนมีภัย ซึ่งสามารถหาข้อมูลได้ทั่วและไม่ยากเกินความเข้าใจ สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอ แม้เหตุการณ์ใหญ่จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่การซ้อมอย่างต่อเนื่อง เช่น ปีละครั้ง ย่อมดีกว่าการตื่นตัวเฉพาะช่วงวิกฤตเท่านั้น ความตระหนักเรื่องการซ้อมหนีภัยต้องยืนระยะให้ได้ นี่คือหัวใจสำคัญของการรับมือกับภัยธรรมชาติ
ศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสในการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย พร้อมระบุถึงตำแหน่งของ “รอยเลื่อนมีพลัง” ที่ยังคงมีศักยภาพในการก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้ในอนาคต ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการวางแผนเชิงพื้นที่และโครงสร้างเมือง
“รอยเลื่อนสกายเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวในเมียนมา เป็นรอยเลื่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีทั้งหมด 5 แขนง และมีค่าอุบัติซ้ำประมาณ 50, 80, 100 ครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าเกิดที่แขนงไหนของรอยเลื่อน ในอนาคตจะมีการเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกแน่ ๆ ตามแนวรอยเลื่อนนี้ แต่ตรงไหนไม่สามารถบอกได้ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนมีพลังทั้งหมด 16 รอยเลื่อน อ้างอิงจากแผนที่รอยเลื่อนมีพลังที่จัดทำโดยกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งสามารถระบุถึงความอันตรายต่อการเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละพื้นที่ตามแนวรอยเลื่อนได้” ศ.ดร.ปัญญากล่าว
ในด้านวิศวกรรม รศ.ดร.ฉัตรพันธ์ จินตนาภักดี ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงผลกระทบของแผ่นดินไหวต่อโครงสร้างอาคาร โดยเฉพาะอาคารสูงในเขตกรุงเทพฯ พร้อมแนะแนวทางการสำรวจรอยร้าวเบื้องต้น วิธีประเมินความเสียหายของโครงสร้าง และการพิจารณาว่าอาคารยังสามารถใช้งานได้หรือไม่
รศ.ดร.ฉัตรพันธ์ อธิบายว่า ประเทศไทยเริ่มบังคับใช้มาตรฐานการออกแบบอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหวในปี 2540 และขยายมาถึง กทม. ในปี 2550 โดยใช้มาตรฐาน มยผ.1302 ซึ่งอิงจากมาตรฐานสากลของสหรัฐฯ ทำให้อาคารที่สร้างหลังปี 2550 มีความมั่นใจในการต้านทานแผ่นดินไหวได้ดี ส่วนอาคารสูงที่สร้างก่อนปี 2550 แม้ไม่ได้ออกแบบโดยตรงเพื่อแผ่นดินไหว แต่ก็มีความสามารถในการรับแรงด้านข้างจากลม ซึ่งช่วยให้สามารถทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม อาคารที่ก่อสร้างก่อนปี 2550 โดยเฉพาะอาคารที่มีความสำคัญต่อภาวะฉุกเฉิน ควรได้รับการประเมินเพิ่มเติม ส่วนรอยร้าวที่พบในผนังอิฐซึ่งไม่ใช่โครงสร้างหลักสามารถซ่อมแซมได้ แต่หากพบรอยร้าวที่เสาหรือคานจนเห็นเหล็กเสริมหรือเหล็กโก่งงอ ควรระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของอาคารในภาพรวม
ทางด้านกฎหมาย รศ.ดร.อังคณาวดี ปิ่นแก้ว จากคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงสิทธิทางกฎหมายที่ประชาชนควรทราบเมื่อทรัพย์สินเสียหายจากแผ่นดินไหว หรือหากได้รับอันตรายจากสิ่งปลูกสร้างของบุคคลอื่น โดยอธิบายช่องทางการดำเนินการทั้งทางแพ่งและทางอาญา เพื่อให้สามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนถือเป็นเรื่องที่คาดหมายได้ ในทางกฎหมายหากความเสียหายเกิดจากภัยธรรมชาติซึ่งถือเป็นเหตุสุดวิสัย เราต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ โดยเฉพาะกรณีอสังหาริมทรัพย์ ต้องแยกเป็น 2 กรณี คือ หากอาคารปลูกสร้างเสร็จแล้วและมีผู้อยู่อาศัย เจ้าของควรตรวจสอบว่าได้ทำประกันภัยไว้หรือไม่ หรือมีการรับประกันชำรุดบกพร่องจากผู้ขายครอบคลุมหรือไม่ อีกกรณีหนึ่งคืออาคารที่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ต้องดูข้อตกลงในสัญญาว่าใครต้องรับผิด หากเป็นสัญญากับหน่วยงานรัฐ ผู้รับจ้างมักต้องรับผิดแม้ในกรณีเหตุสุดวิสัย เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของผู้ว่าจ้าง ทั้งนี้หลักฐานทุกอย่างควรจัดเก็บไว้ให้ครบถ้วนเพื่อประโยชน์ในการเรียกร้องสิทธิ์ตามกฎหมาย”
ปิดท้ายงานด้วยการสื่อสารสาธารณะ โดย ผศ.ดร.เจษฎา ศาลาทอง จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการเกิดข่าวปลอม (Fake News) และความสับสนของข้อมูลที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในช่วงเหตุการณ์ พร้อมแนะนำแนวทางในการแยกแยะข้อมูลเท็จ และแหล่งข้อมูลที่ประชาชนควรเชื่อถือในภาวะวิกฤต
งานเสวนานี้ไม่เพียงเป็นเวทีให้ข้อมูลแก่ประชาชน แต่ยังเป็นพื้นที่ของความร่วมมือและการตั้งคำถามเชิงรุก ว่า “เราจะอยู่ร่วมกับภัยธรรมชาติอย่างรู้เท่าทัน และฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้อย่างไร”
กิจกรรม CUVIP เดือนเมษายน “Future Science & Technology : วิทยาศาสตร์เพื่อวันข้างหน้า”
1 - 21 เม.ย. 68
เอกอัครราชทูตโรมาเนียและคณะ เยือนวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาฯ ส่งเสริมความร่วมมือไทย-โรมาเนียด้านวิชาการและอุตสาหกรรม
รศ.ดร.เบญจพร สุวรรณศิลป์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับมอบเหรียญที่ระลึกและประกาศเกียรติคุณ จาก University of South Florida
สถาปัตย์ จุฬาฯ จัดบรรยายพิเศษ “Digital Craft” เวทีความรู้ด้านออกแบบและสถาปัตยกรรมจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ
ช่อง 7HD จับมือจุฬาฯ เปิด “4 ซีรีส์ กีฬานักเรียน แชมป์กีฬา 7HD 2025” จุฬาฯ พร้อมสนับสนุนสร้างอนาคตครั้งสำคัญเพื่อเด็กไทย
อาจารย์จุฬาฯ ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2567
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้