รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
9 กรกฎาคม 2564
ข่าวเด่น
จากงานเสวนาออนไลน์เรื่อง “มองทุกมิติ กับอุบัติภัย โรงงานสารเคมีระเบิด” ซึ่งหลักสูตร สหสาขาวิชาการจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ ร่วมกับศูนย์ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศปอส.) จัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในมิติที่เกี่ยวข้องจากเหตุระเบิดและไฟไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นอุบัติภัยที่สร้างความเสียหายและผลกระทบเป็นวงกว้าง
นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาฯ และเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) ได้นำเสนอมุมมองทั้งในมิติด้านสารเคมี ด้านเคมีวิศวกรรม ด้านสังคม ด้านความปลอดภัยสำหรับโรงงาน ด้านการวางผังเมือง ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสุขภาพ และด้านการจัดการภัยพิบัติ เพื่อมุ่งสร้างความเข้าใจ ชี้แจงถึงความเสี่ยง อันตราย ผลกระทบ รวมถึงแนวทางการจัดการและรับมือกับผลกระทบที่สืบเนื่องจากอุบัติภัยนี้อย่างครอบคลุมรอบด้าน
ดร.พิจิตต รัตตกุล ที่ปรึกษาพิเศษศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) และประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) กล่าวถึง“ระบบการสื่อสารต่อสาธารณะ” ในกรณีที่เกิดอุบัติภัยครั้งนี้ยังขาดประสิทธิภาพกล่าวคือการสื่อสารการเตือนภัยไปยังชุมชนรอบข้างและสาธารณะมีความล่าช้า ช่องทางการสื่อสารและเนื้อหาในการสื่อสารไม่เพียงพอ ขาดความชัดเจน ทำให้กลุ่มประชาชนที่ได้รับความเสี่ยง ไม่ทราบว่าควรปฏิบัติตนอย่างไร สารเคมีมีอันตรายอย่างไร และจะป้องกันตนเองจากอันตรายอย่างไร และอีกปัญหาในการตอบโต้เหตุมีข้อจำกัดด้านเครื่องมือและบุคลากรที่มีไม่เพียงพอและยังขาดความเชี่ยวชาญในการรองรับเหตุการไฟไหม้และสารเคมีรั่วไหลพร้อมกล่าวถึงความสำคัญเกี่ยวกับการเตรียมการก่อนเหตุ เช่น การประเมินความเสี่ยงฯ การมีแผนตอบโต้เหตุฉุกเฉิน และการฝึกซ้อมร่วมกับชุมชนการมอบหมายผู้รับผิดชอบเพื่อเข้าผจญภัยสารเคมี รวมถึงการเรียนรู้อันตรายของสารเคมี การตรวจสอบและเตรียมพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับตอบโต้เหตุฉุกเฉิน ซึ่งประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ควรมีการควบคุมดูแลบังคับใช้ และทำให้เป็นระเบียบของโรงงาน
ศ.ดร.ธีรยุทธ วิไลวัลย์ ผู้อำนวยการ ศปอส. และอาจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงมิติด้านอันตรายของสารเคมีจากเหตุอุบัติภัยโรงงานสารเคมีระเบิดในครั้งนี้ มี “สารสไตรีน” (styrene) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเม็ดโฟมพลาสติกของโรงงานดังกล่าวมีลักษณะของเหลวคล้ายน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสารไวไฟ สามารถลุกติดไฟได้ง่ายไอระเหยของสไตรีนมีความเป็นพิษจัดเป็นสารก่อมะเร็งและก่อการระคายเคือง เมื่อเกิดการเผาไหม้จะเกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (carbon monoxide : CO) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (carbon dioxide : CO2) และโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (polycyclic aromatic hydrocarbon : PAHs) ซึ่งเป็นสารพิษและก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ในระยะยาวในเหตุการณ์ไฟไหม้ที่มีสารเคมีลักษณะคล้ายน้ำมันและมีไอระเหยที่ติดไฟ จำเป็นต้องใช้โฟมดับเพลิงการใช้น้ำสามารถช่วยได้เพียงควบคุมความรุนแรงหรือป้องกันการลุกลามเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ไฟดับได้ นอกจากนี้ยังเห็นถึงความสำคัญในการประเมินความเสี่ยงของโรงงานที่มีการจัดเก็บสารเคมีปริมาณมาก เพราะปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติภัยที่รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเตรียมแผนรองรับตอบโต้เหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งแนะนำการศึกษาข้อมูลเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (Safety Data Sheet : SDS) แนะนำให้ศึกษาข้อมูลสารเคมีเบื้องต้นได้จากเว็บไซต์ http://www.chemtrack.org/
รศ.ดร.ธราธร มงคลศรี ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ ได้แลกเปลี่ยนเรื่องการจัดการความเสี่ยง โดยชี้ให้เห็นความสำคัญของ “การประเมินความเสี่ยง” เมื่อสามารถระบุความเสี่ยงได้จะสามารถวางแผนการป้องกันรวมถึงการรับมือกับอุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ผ่านการยกตัวอย่างถนนทางโค้งและถนนทางตรงที่มีลักษณะอันตรายแตกต่างกันขึ้นกับมุมมองประสบการณ์ของผู้ทำการประเมิน และสถานการณ์ของเหตุการณ์นั้น ซึ่งการค้นหาสาเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำจะมีการพิจารณาข้อมูล 3 ส่วน คือ 1. ใครเป็นคนทำ 2. ใครออกแบบกระบวนการ / กระบวนการเป็นอย่างไรและ 3. ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อย่างไร
รศ.ดร.พนิต ภู่จินดา หัวหน้าภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ให้ข้อมูลว่าโรงงานสารเคมีที่ระเบิดดังกล่าวได้ก่อสร้างเมื่อปี 2532 ในขณะที่ “พรบ.การผังเมือง”ได้มีการประกาศใช้ฉบับแรกเมื่อปี 2537 ซึ่งโรงงานได้ก่อสร้างแล้วเสร็จก่อน พรบ. จะมีการประกาศใช้ ประกอบกับที่ตั้งโรงงานในอดีตอยู่ห่างไกลจากเมืองแต่ในปัจจุบันความเป็นเมืองได้ขยายออกไปอยู่รอบโรงงาน ทำให้โรงงานตั้งอยู่ในเขตที่มีชุมชนเมือง ทั้งนี้ในการประกาศใช้ พรบ. การผังเมืองระบุไว้ว่าโรงงานที่มีการก่อสร้างมาก่อน พรบ. การผังเมืองประกาศใช้ให้สามารถตั้งอยู่ต่อในทำเลเดิมได้ แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับสาระสำคัญ คือไม่ขัดต่อความปลอดภัยสาธารณะ ความเป็นอยู่สาธารณะ และสุขอนามัยสาธารณะ หากจะต้องมีดำเนินการย้ายหรือเปลี่ยนแปลงปรับปรุงโรงงานผู้ที่มีส่วนได้ประโยชน์ (หมายถึงชุมชนรอบข้าง) จะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้ที่เสียประโยชน์ (หมายถึงโรงงาน) โดยชุมชนรอบข้างไม่สามารถบังคับให้ (โรงงาน) เปลี่ยนแปลงหรือโยกย้ายออกจากพื้นที่ได้ ซึ่งถือเป็นหลักการสากล
ศ.ดร.นพ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคมคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้กล่าวถึง “กลุ่มคนที่ได้รับสัมผัสสารเคมี” แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่รับสัมผัสสารอันตรายจากการทำงาน เช่น กลุ่มเจ้าหน้าที่ผจญเพลิง ซึ่งขณะเข้าปฏิบัติงานควรใส่ชุดผจญเพลิง สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) ที่เหมาะสม และหากพบอากาศไม่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ควรใส่ชุดผจญเพลิงที่มีเครื่องช่วยหายใจ (Self-Contained Breathing Apparatus : SCBA) และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องช่วยชีวิตในพื้นที่เกิดเหตุซึ่งอาจจะสัมผัสสารอันตรายด้วย และ 2. กลุ่มที่สัมผัสสารอันตรายจากสิ่งแวดล้อม เช่น ประชาชนผู้อยู่ใกล้เคียง โดยในกรณีมีผู้ป่วยจากการรับสารเคมีในอุบัติภัยครั้งนี้ควรมีการติดตามผลและเก็บข้อมูลผลกระทบทางสุขภาพในระยะยาวด้วย
อ.ดร.กัลยา สุนทรวงศ์สกุล สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาฯ และรองผู้อำนวยการหลักสูตรสหสาขาวิชาการจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ กล่าวถึง “แหล่งกำเกิดมลพิษ” คือ สารสไตรีนและสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจมีคุณสมบัติต่างไปจากเดิม เมื่อปนเปื้อนกับน้ำที่ใช้ในการดับเพลิงจะถูกส่งผ่านไปยังท่อน้ำลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง ทำให้สัตว์น้ำได้รับผลกระทบ และเมื่อน้ำดังกล่าวซึมผ่านชั้นผิวดิน จุลินทรีย์ดินหลายชนิดทำให้สารสไตรีนเปลี่ยนแปลงเกิดการปนเปื้อนในดินและอาหารอาจทำให้ความเป็นพิษสูงขึ้น ซึ่งนักสิ่งแวดล้อมจะต้องมีการประเมินความเสี่ยง และแบ่งโซนเพื่อติดตามผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในระยะยาวและกล่าวเสริมถึงการวางแผนการรองรับตอบโต้ทั้งก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุเพื่อป้องกันสารเคมีปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมด้วย
ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีและอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้กล่าวถึง “ผลกระทบของมลพิษอากาศ” สามารถพิจารณาได้จาก 3 ปัจจัย คือ 1. ความเข้มข้น (ppm) 2. ระยะเวลาการสัมผัส 3. ลักษณะสุขภาพของผู้รับสัมผัสและจากเหตุโรงงานสารเคมีระเบิดในครั้งนี้เกิดมลพิษอากาศ 2 กลุ่ม คือ 1. ก๊าซ (gas) ที่เกิดจากการเผาไหม้ของสารสไตรีน เป็นสารละลายอินทรีย์ระเหย (VOCs) เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะลอยอยู่ในอากาศ และจะเป็นอันตรายกับคนในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนผลกระทบจะไปไกลแค่ไหนขึ้นกับทิศทางลม 2.ฝุ่นละออง (particles) ซึ่งเห็นชัดด้วยตาเปล่า มีลักษณะเป็นเขม่าควันดำลอยอยู่ในอากาศ เมื่อฝนตกก็สามารถชะล้างได้ อาจจะดูว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่เมื่อถูกชะล้างลงสู่ผิวดินก็จะเกิดการปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากการสัมผัสปนเปื้อนและกลิ่นกินเข้าไป ดังนั้นกลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในช่วงแรก เช่น สวมเสื้อผ้าแขนยาว สวมหน้ากากอนามัยชนิด N95 หรือหน้ากากเคลือบสารคาร์บอนกัมมันต์ เพื่อป้องกันการรับสัมผัสสารมลพิษดังกล่าว
คุณกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด กล่าวถึง“การจัดการภาวะฉุกเฉินในโรงงาน”จะประกอบด้วย 3 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ก่อนเกิดเหตุ ควรมีกระบวนการประเมินความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ การเตรียมการเพื่อป้องกันการเหตุ เช่น ระบบเตือนภัย แนวปฏิบัติต่าง ๆ ขั้นที่ 2 ขณะเกิดเหตุ จะต้องประกอบด้วย 4 ขั้น คือ 1. การประเมินสถานการณ์ 2. แผนเข้าปฏิบัติการรวมกัน3. จัดทีมเพื่อเข้าระงับเหตุ 4. การเฝ้าระวัง ขั้นที่ 3 หลังเกิดเหตุ ควรมีการจัดการเชื้อเพลิงที่หลงเหลืออยู่และการจัดการสิ่งแวดล้อม
ผศ.ดร.ณัฏฐ์ ลีละวัฒน์ ผู้อำนวยการหลักสูตรสหสาขาวิชาการจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ และอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ดำเนินรายการ ได้สรุปประเด็นผ่านมุมมองของหลักสูตรสหสาขาวิชาการจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุบัติภัยที่มีการส่วนร่วมในมิติต่างๆ มากมาย สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการรู้จักกับนิยามและหลักการซึ่งจะเข้ามามีบทบาทในทุกช่วงสถานการณ์วิกฤต แม้ว่าเราจะไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดภัยบางประเภทได้ แต่ทักษะการระบุความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยง รวมถึงการออกแบบมาตรการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพถือว่าจะสามารถช่วยลดผลกระทบของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้
สามารถรับชมการเสวนาย้อนหลังได้ที่https://www.facebook.com/ChulaRDM/videos/4161050187348971
อบรมบุคลากรศูนย์รักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรแห่งจุฬาฯ หลักสูตร “Mindset กับการสื่อสารเพื่องานบริการ”
จุฬาฯ จัดเสวนาวิชาการ “การขนส่งและโลจิสติกส์ไทยในยุคสงครามการค้า”สะท้อนมุมมองการปรับตัวของผู้ประกอบการท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
จุฬาฯ ร่วมกับ 6 ชุมชนบางขุนเทียน จัด “เทศกาลฟาร์มทะเลกรุงเทพ” ต้นแบบกิจกรรมพัฒนาชุมชน สู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
จุฬาฯ อันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2025
นิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับรางวัล Best Poster Award การประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่มาเลเซีย
สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) คณะจิตวิทยา จุฬาฯ จัดประชุมวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้